ผู้ที่ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ย่อมได้รับรอยยิ้ม ความสุขเสมอ
โดย ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340 facebook: BT CORPORATION CO., LTD.
*********************************************************************************************************
สวัสดีครับทุกท่านบทความนี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากลูกสาวของผมเอง โดยมีเรื่องราวดังนี้ครับ
เมื่อวันอาทิตย์ก่อนผมได้รับเกียรติให้ไปบรรยายหลักสูตร “สัมภาษณ์งานให้ได้งาน ทำงานให้ประสบความสำเร็จ และแนวทางการศึกษาต่อ” ให้กับน้องๆในสถานศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผมได้พาภรรยา และลูกสาวซึ่งอายุประมาณ 5 ขวบครึ่งไปด้วย สำหรับวัตถุประสงค์ที่ผมต้องการพาลูกสาวไปด้วยนั้นก็เป็นเพราะว่าผมอยากให้เขาได้เรียนรู้ว่าพ่อทำงานอย่างไร? และในวันนั้นผมได้มอบรายได้ทั้งหมดเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับน้องนักศึกษาสองคน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่เริ่มชีวิตการบรรยาย โดยผมทำมาตลอดจนถึงปัจจุบัน และเมื่อบรรยายจบเราก็ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางลูกสาวของผมก็ถามว่า
“พ่อขาหนูขอถามหน่อยนะคะว่า ทำไมพ่อต้องยิ้มด้วยล่ะเวลาที่พ่อมอบทุนนะ หนูสงสัยจัง?”
ผมยิ้มด้วยความภูมิใจ แล้วตอบกลับไปว่า “ที่พ่อยิ้ม ก็เพราะพ่อมีความสุขค่ะลูก”
“ฮึๆๆๆ” ลูกสาวของผมทำหน้างง แล้วหัวเราะตามประสาเด็กน้อย
จากนั้นผมก็สอนลูกสาวต่อว่า “ลูกต้องช่วยคนอื่นเมื่อลูกมีโอกาสนะลูก”
โดยคำพูดนี้ ผมได้รับแรงบันดาลมาจาก การดู Youtube เรื่อง New Heart New World ของ ศ.ภญ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ซึ่งผมรู้สึกประทับใจ และนำมาสอนลูกสาวเสมอ ขอบพระคุณผู้จัดทำคลิปวีดีโอชุดนี้เป็นอย่างสูงครับ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ผมพาลูกสาวมาเดินเล่นที่ตลาดนัดเพื่อเลือกซื้อ กับข้าว ขนม และผลไม้ไปกินเล่นกัน ในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในเต้นท์เราก็ได้พบกับผู้พิการทางสายตาสองคนนั่งร้องเพลง ผมจึงรีบหยิบเงินในกระเป๋า แล้วยื่นให้ลูกสาวเพื่อไปมอบให้กับเขาทั้งสอง เมื่อเธอเดินหยอดเงินเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินกลับมา แล้วบอกให้ผมก้มตัวลงแล้วเธอก็กระซิบที่ข้างหูเบาๆ ว่า
“พ่อขาทำไมหนูหยอดเงินให้เขาเสร็จแล้วหนูต้องยิ้มด้วยล่ะคะ”
ผมยิ้ม แล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
“ก็เพราะลูกมีความสุขไงล่ะ”
จากนั้นผมก็บอกกับเธอว่า “จำได้ไหมเมื่อวันอาทิตย์ลูกถามพ่อว่า ทำไมตอนที่พ่อมอบทุนการศึกษาให้กับพี่สองคนนั้นแล้วพ่อต้องยิ้มด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าพ่อมีความสุข เหมือนกับลูกที่มีความสุขตอนนี้นั่นเอง ดังนั้นลูกต้องรู้จักเป็นผู้ให้นะลูก เพราะผู้ให้ย่อมได้รับรอยยิ้ม และความสุขเสมอ” พูดจบเราก็เดินไปเลือกซื้อขนมกินอย่างมีความสุข
นี่คือความประทับใจของผมที่นำมาแลกเปลี่ยนครับ
และเหตุการณ์นี้เองทำให้ผมนึกถึงการใช้ชีวิตของคนในองค์กรในยุค 4.0 ซึ่งเป็นยุคที่ต้องเร็ว ต้องไว ต้องมีประสิทธภาพ ประสิทธิผล และให้ความสำคัญกับคำว่าผู้ชนะ โดยไม่มีที่ยืนสำหรับผู้แพ้ ดังนั้นพนักงานที่ปฏิบัติงานในองค์กรก็ต้องแข่งขันกันเต็มที่ แต่ไม่ว่าจะแข่งขันกันอย่างถึงพริง ถึงขิงอย่างไร ก็อย่าลืมที่จะเป็นผู้ให้ อย่างบริสุทธิ์ใจ และไม่หวังผลตอบแทนกันด้วยนะครับ
สำหรับสิ่งที่เราจะมอบให้กับผู้อื่นนั้น ไม่จำเป็นต้องมีค่าสูง หรือมีจำนวนมาก ขึ้นอยู่ที่ความพร้อมของเรามากกว่านะครับ สำหรับสิ่งที่เราสามารถมอบให้กับเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบข้างของเรา ก็มีหลายอย่างเช่น ให้ความรู้ ให้เงิน ให้ทรัพย์สิน (ตามกำลัง โดยให้แล้วเราต้องไม่เดือดร้อนนะครับ) ให้กำลังใจ ให้ขนม ให้เวลา และที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือให้อภัยครับ และสิ่งที่เราได้รับหลังการให้เลยทันทีนั้นก็คือ รอยยิ้ม และความสุข ของเรานั่นเองละครับ สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจสั้นๆว่า “ผู้ที่ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ย่อมได้รับร้อยยิ้ม และความสุขเสมอ” โชคดีนะครับ
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ