จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Safety ไม่ First (เหมือนป้ายที่ติดไว้)
โดย ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340 facebook: BT CORPORATION CO., LTD.
*************************************************************************************************************
สวัสดีครับทุกท่านบทความในตอนนี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากพูดคุยกับผู้เรียนระหว่างการบรรยายหลักสูตรการพัฒนาทักษะหัวหน้างาน (Supervisory Skill Development) เรามาอ่านกันเลยนะครับ
หลังจากที่ สมยศ ผู้จัดการฝ่ายผลิตวัยเก๋าเดินตรวจไลน์การผลิตเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขาพบว่าหลอดไฟที่ท้ายเครื่องตัดดับอยู่หนึ่งดวง แต่พนักงานยังคงทำงานหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเขาคิดว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะพนักงานอาจจะมองเห็นชิ้นงาน และใบเลื่อยไม่ถนัดนัก จึงเดินแจ้นตรงมาที่วินัย ซึ่งเป็นหัวหน้าที่รับผิดชอบในแผนกนั้น แล้วก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า
“วินัย หลอดไฟที่ท้ายเครื่องตัดมันดับคุณรู้หรือยัง”
“ครับๆๆๆๆ หลอดไฟเสียครับ ผมทราบแล้วครับ เมื่อวานก่อนกลับบ้านผมไปดูอยู่เหมือนกัน” วินัยตอบอย่างรวดเร็ว
“อ้าว เอ็งเห็นแล้วทำไมเอ็งไม่แก้ไขว๊ะ!!! ปล่อยให้เด็กทำงานอยู่ได้ มันเสี่ยงนะโว๊ย!!! เดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุหรอก” สมยศพูดด้วยอาการโมโห
“ครับๆๆๆๆ เดี๋ยวผมจะรีบไปตรวจสอบ และจัดการเปลี่ยนให้เร็วที่สุดเลยะครับ รับทราบ และปฏิบัติครับ” วินัยยิ้มแล้วยกมือไหว้
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะแยกย้ายกันไปทำงาน ปฐมพนักงานที่ปฏิบัติงานในแผนกตัดนั้นก็เดินจ้ำอ้าวเข้ามาพอดี โดยเอามือซ้ายกุมมือขวาซึ่งมีผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดอุดอยู่ แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า
“พี่ๆ พาผมไปโรงพยาบาลหน่อย ผมแม่งโคตรซวยเลยว่ะ โดนใบเลื่อยบาดแต่เช้า สงสัยน่าจะเย็บหลายเข็ม”
ทั้งสมยศ และวินัย อุทานพร้อมกันว่า
“แม่งเอ๊ย!!! กูว่าแล้ว แม่งต้องเกิด เป็นแบบที่กูคิดจริงๆด้วย
โคตรซวยเลยกู หาเรื่องให้กูแต่เช้าเลย เซ็งจริงๆ”
เหตุการณ์นี้ ท่านคิดว่าใครผิด และสมควรได้รับโทษทัณฑ์
1. พนักงานผิด เพราะสภาพแวดล้อมไม่พร้อม คือ มีไฟดับ แต่เริ่มงานทันที ทำงานกันหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น
2. หัวหน้างานผิด เพราะเห็นว่าหลอดไฟดับ พื้นที่ทำงานมืด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ยอมแก้ไขก่อนให้เรียบร้อยก่อน แต่ปล่อยให้พนักงานเริ่มทำงาน
3. ผู้จัดการผิด เพราะเห็นพนักงานทำงานในที่มืดๆ สลัวๆ และที่สำคัญคือ ประเมินว่าพนักงานทำงานเสี่ยงไม่ไม่สั่งให้พนักงานหยุดทำงาน ปล่อยให้น้องๆเขาเสี่ยงทำงานไปเรื่อยๆ แล้วก็มาสั่งให้หัวหน้างานไปแก้ไข ซึ่งต้องใช้เวลาไม่รู้ว่าจะนานเท่าไหร่
ไม่ต้องมาสอบสวนทวนความ เพื่อหาคนผิดให้เสียเวลาหรอกนะครับ เพราะยังไงๆ งานนี้ก็ผิดด้วยกันทุกคน ทุกตำแหน่งนั่นละครับ แต่ที่แน่ๆคนที่น่าสงสารที่สุด เพราะต้องมารับกรรมรนี้ก็คือพนักงานผู้ตั้งใจทำงานนั่นเองเขาต้องมาเสียเลือด เสียอวัยวะ ทั้งๆที่ทุกคนสามารถป้องกันได้จริงไหมครับ? ซึ่งจริงๆแล้วอุบัติเหตุในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าทุกคนทำตามป้าย “ปลอดภัยไว้ก่อน หรือ Safety First” จากเหตุการณ์นี้ ดังนี้ครับ
เมื่อพนักงานพบว่าไฟดับ นั่นหมายความว่า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมือนเดิม แล้วควรคิดต่อไปว่าอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นฉันจะไม่เริ่มทำงานเด็ดขาด ถ้าสภาพการทำงานไม่ปลอดภัย
เมื่อหัวหน้างานพบว่าไฟดับ นั่นหมายความว่า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมือนเดิม ก็ควรคิดต่อไปว่าถ้าลูกน้องเริ่มทำงานในวันพรุ่งนี้เช้าต้องเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างมากแน่ๆ ดังนั้นฉันจะรีบจัดการแก้ไขให้ไฟสว่างเหมือนเดิม ทำให้สภาพแวดล้อมเหมาะสมก่อนเริ่มงาน
เมื่อผู้จัดการพบว่าไฟดับ ขณะที่พนักงานทำงานอยู่ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นหมายความว่าน้องๆ พนักงานทำงานอยู่อย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย หรือเกิดความผลิตผิดพลาดจะรีบเดินไปสั่งให้ลูกน้องหยุดการผลิต หรือการทำงานนั้นทันที แล้วดำเนินการแก้ไขให้สภาพแวดล้อมอยู่ในสภาวะปกติแล้วค่อยเริ่มการผลิต สรุปสั้นๆก็คือ ต้องหยุดสภาวะเสี่ยงก่อนเลยทันที แล้วรีบดำเนินการแก้ไข อาจจะสั่งให้หัวหน้างานมาเปลี่ยนหลอดไฟ หรือจะจัดการเองก็ได้ เพราะเราเป็นผู้จัดการสามารถทำได้อยู่แล้ว
จากเหตุการณ์นี้สามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่า “1.หยุด 2. เรียก 3.รอ” เมื่อเกิดปัญหาก็จะช่วงลดปัญหานี้ได้เลยละครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อุทาหรณ์ เตือนใจจากเหตุการณ์นี้คงช่วยให้พนักงานทุกคน ทุกระดับเกิดความตระหนักในเรื่องของความปลอดภัย และใส่ใจในคำว่า “ปลอดภัยไว้ก่อน หรือ Safety First เพราะอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นเรื่องของการกระทำ” สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจที่ว่า “ถ้า Safety ไม่ First อุบัติเหตุจะเกิดแน่นอน” โชคดีนะครับ........
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ