โดย ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340 facebook: BT CORPORATION CO., LTD.
****************************************************************************************************************************************************
บทความตอนนี้ได้แนวคิดมาจากการการอ่านหนังสือชื่อ “ศึกษาสูตรของเว่ยหล่าง” แปลโดย อนัตตา ของสำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ในตอนที่มีชื่อว่า มองหาความผิดตนเอง ซึ่งผมขอนำเนื้อหาบางส่วนมาต่อยอด โดยผมขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้นะครับ เพื่อกระตุ้นแนวคิดในการใช้ชีวิตยุค 4.0 เรามาเริ่มอ่านกันเลยนะครับ
ในสมัยราชวงศ์ซ้อง มีกวีเอก ลือนามท่านหนึ่งมีชื่อว่า ซูตองพอ ซึ่งเขามีสหายคนสนิทชื่อว่า ฝ่าต้าซือ ทั้งสองคนมักจะสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ทุกครั้งซูตองพอมักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในความคิดเสมอ จึงทำให้เขาไม่ค่อยใจพอใจสหายของเขาคนนี้สักเท่าไหร่
วันหนึ่งซูตองพอเกิดนึกสนุก จึงถามฝ่าต้าซือว่า แบบตรงๆ ว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นอะไร?”
สหายของเขายิ้ม แล้วตอบกลับไปว่า “ข้าเห็นท่านเป็นพุทธะ”
สำหรับคำคำตอบนี้ทำให้ซูตองพอจิตใจเบิกบาน แช่มชื่น รู้สึกเปรมปรีดิ์ยิ่งนัก
จากนั้นฝ่าต้าซือก็ถามสหายกลับในคำถามเดียวกัน
ซูตองพอหัวเราะ ชอบใจ แล้วคิดว่า ถึงเวลาที่เขาจะได้เอาชนะสหายคนนี้เสียที ซึ่งเป็นวันที่เขารอมานานแล้ว จากนั้นเขาก็ตอบกลับไปว่า “ข้าเห็นท่านเหมือนขี้หมากองเดียว”
ฝ่าต้าซือเมื่อได้ยินคำตอบนั้นก็ยิ้มแล้วไม่ตอบสิ่งใด
เมื่อกลับถึงบ้านซูตองพอก็ได้เล่าเรื่องราวให้กับน้องสาวฟัง ด้วยความสะใจ และหวังในใจลึกๆว่าน้องสาวคงจะร่วมยินดีกับชัยชนะของเขาในครั้งนี้ แต่ที่ไหนได้ เรื่องราวกลับตาลปัตร น้องสาวของเขากลับมองเห็นเป็นคนละมุม โดยน้องสาวของเขาตอบว่า
“ฉันว่าพี่คงเข้าใจอะไรผิดเป็นแน่ ฉันว่า พี่แพ้เขาอีกแล้วหละ”
ทำท่างงๆ จากนั้นก็ถามน้องสาวกลับไปว่า “ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะ?”
น้องสาวของเขาตอบว่า “ที่ท่านฝ่าต้าซือตอบว่าท่านเป็นพุทธะ และไม่แสดงออกถึงความโกรธใดๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าจิตใจของเขาเป็นเป็นพุทธะเขาจึงแสดงออกมาอย่างนั้น ส่วนท่านพี่ตอบเขากลับไปว่าเขาคือก้อนขี้หมา นั่นแสดงว่าในใจของท่านก็เป็นขี้หมาเหมือนกับคำตอบนั่นแหละ ท่านลองคิดดูแล้วกันนะว่าจิตใจของผู้ใดงดงามว่ากัน และใครสมควรที่จะเป็นผู้ชนะตัวจริง”
ซูตองพอได้ยินคำตอบของน้องสาวแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจในคำพูด และการกระทำของตนขึ้นมาทันที
จากเรื่องราวที่ได้เล่ามานี้ทำให้เราเรียนรู้ 2 เรื่อง คือ
1. มนุษย์เรานั้น ถ้าหากสมองของเราคิดสิ่งใดไม่ว่าจะเรื่องดี หรือไม่ดี เราก็มักจะพูด หรือแสดงสิ่งที่เราคิดเหล่านั้นออกมา
2. บางครั้งความที่เราอยากที่จะชนะผู้อื่น จนลืมความถูกต้อง และเหมาะสม อาจทำให้เราแสดงออก โดยการพูด หรือแสดงกริยาใดๆ อันไม่สมควรออกไป เพียงเพื่อแค่ทำให้เรารู้สึกสะใจ หรือภูมิใจที่เราได้ชนะคนอื่นเขา แต่ที่ไหนได้ แต่เราอาจจะต้องกลับมาแพ้เขาในหลายๆด้าน จนส่งผลทำให้เกิดความอับอาย เสียชื่อเสียง เสียเงินเสียทอง หรือเสียความเป็นตัวตนของเราเลยก็มี
บทสรุปส่งท้าย ท่านคงตอบได้นะครับว่าระหว่างผู้ที่เห็นคนอื่นเป็นพุทธะ กับเห็นผู้อื่นเป็นขี้หมา ใครที่จะประสบความสำเร็จ มีความสุขกาย สุขใจมากกว่า และเมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราควรจะคิดอย่างไร และแสดงออกอย่างไรจึงจะดีที่สุด สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจสั้นๆว่า “สุข หรือทุกข์ เริ่มต้นที่ความคิด และลงเอยที่การกระทำ” โชคดีนะครับ
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ