เสียงก้องจากห้องผู้บริหารตอนที่ 73
การบริหารในสภาวะวิกฤติสำหรับผู้บริหารที่ทำแล้วเห็นผลดีทันที
***********************************************************
“วิกฤติเศรษฐกิจตอนนี้!!! อยากรู้จังเลยว่าผู้บริหาร และผู้จัดการจะมีวิธีการรับมืออย่างไร?”
“มีใครบอกได้ไหมว่า!!! ผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือหัวหน้างานจะมีส่วนช่วยบริษัทให้พ้นวิกฤติช่วงนี้ไปได้อย่างไร?”
ผู้บริหาร ผู้จัดการ หัวหน้างาน เป็นผู้ที่มีหน้าที่บริหารจัดการให้องค์กรอยู่รอด และได้ไปต่อในการดำเนินธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผู้บริหาร ผู้จัดการ และหัวหน้างาน ก็ต้องมีส่วนช่วยรับผิดชอบ
โดยใช้ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ รวมไปถึงความทุ่มเท เพื่อช่วยให้บริษัท และพนักงานของเราทุกคนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้
แนวทางปฏิบัติ 6 ประการ เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลในสภาวะวิกฤติสำหรับผู้บริหาร มีดังนี้
1. ตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตระหนัก เราเป็นผู้บริหาร มีลูกน้องมากมาย เราต้องไม่แสดงอาการตกอกตกใจ หรือทำท่าทางประหวั่นพรั่นพรึง จนเสียอาการ เพราะจะทำให้ลูกน้องเสียขวัญกำลังใจไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือ ต้องนิ่ง ตั้งสติ รีบศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น สภาพเศรษฐกิจ สภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ รวมไปถึงประเทศไทยของเราเอง อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน กำลังซื้อของผู้บริโภค และที่ขาดไม่ได้ เราต้องติดต่อกับลูกค้าเพื่อทราบความต้องการสินค้า และติดต่อกับซับพลายเออร์ที่มีทุกรายเพื่อทราบถึงสถานการณ์การทำงานของพวกเขา ณ ปัจจุบัน แล้วเราก็นำข้อมูลที่ได้รับมาประมวลผล เพื่อวางแผนการดำเนินงานที่ดีขึ้นในครั้งต่อไป
2. ปลุกขวัญ และสร้างพลัง พยายามพูดคุย และสื่อสารในเชิงบวก และให้กำลังใจลูกน้องทุกๆคน เช่น พูดว่า “พี่เชื่ออย่างสุดใจเลยว่า ถ้าพี่ และน้องๆทุกคน ร่วมมือร่วมใจและพร้อมที่จะเสียสละแล้วละก็ พวกเราทุกคนก็จะผ่านวิกฤตินี้ได้อย่างแน่นอน พี่เชื่ออย่างนี้จริงๆนะ ดังนั้นพวกเราทุกคนต้องสู้”
3. โค้ช และให้ Feedback สิ่งนี้เหมาะสำหรับบริษัทที่มีเวลาว่าง เพราะไม่ได้ผลิตสินค้าเต็ม 100% โอกาสทองอย่างนี้ไม่มีบ่อย เราต้องรีบโค้ช สอนงาน และให้ Feedback ลูกน้อง เพื่อช่วยทำให้เขาได้รับแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง และงานให้ดีขึ้น
4. ลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตให้เป็นรูปธรรม ถ้าบริษัทไหน หรือองค์กรใดมีการหยุดการผลิตในตอนนี้แล้วละก็ อย่าปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือไปนะครับ รับปรับปรุงการทำงานกันเลย โดยอาจใช้เครื่องมือ VA/VE (Value Analysis/Value Engineer) IE (Industrial Engineer) OR (Operation Research) หรือ LEAN การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management) หรือเทคนิคอื่นๆ ตามความเหมาะสม
5. ปรับองค์กรให้ยืดหยุ่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง โดยศึกษาระบบการทำงาน ขั้นตอน และวิธีการปฏิบัติงาน การรับภาระงาน Job Description และนำมาปรับปรุง เพื่อวางแผนกำลังคน ให้เหมาะสมกับการทำงาน
6. เตรียมแผนงานในอนาคตทั้งด้านบวก และด้านลบ อนาคตไม่มีใครรู้ว่า วิกฤติในครั้งนี้จะยุติเมื่อไหร่? และจะมีผลเสีย ผลดีอย่างไร? เราไม่รู้จริงๆ ส่วนใหญ่ก็คาดคะเน หรือคาดเดาเอา ดังนั้นสิ่งที่เราจะได้ได้คือ เตรียมความพร้อมโดยการวางแผนรองรับเอาไว้ทั้งสองแบบ ดังนี้ แผนด้านลบ ถ้าวิกฤติยิ่งแย่ลงไปอีก เราจะทำอย่างไร? ได้บ้าง เช่น ลดพนักงาน หยุดการผลิต เลิกผลิตสินค้าบางชนิด เป็นต้น และแผนด้านบวก ถ้าวิกฤตินี้เกิดยุติได้อย่างรวดเร็ว แล้วมีคำสั่งการผลิต หรือความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจะต้องเตรียมอะไรเอาไว้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นกำลังคน วัตถุดิบ เครื่องมือ เครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ หรือปัจจัยการผลิตอื่นก็สุดแล้วแต่
จากแนวคิดทั้ง 6 นี้ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการในสภาวะวิกฤติครั้งนี้ให้กับผู้บริหาร ผู้จัดการ และหัวหน้างานทุกๆท่านนะครับ สุดท้ายผมขอฝากคมคิดสะกิดใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกันว่า
“การจัดการในสภาวะวิกฤติจะบรรลุผลถ้าเราทุกคน ทำเดี๋ยวนี้ ทำได้เลย ทำทันที เห็นผลทันที เพราะไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราร่วมมือร่วมในกัน”
ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆท่าน สู้ๆนะครับ
#ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์
#Dr.Thongpunchang Pongvarin
#Management GURU by Dr.Thonog BT
#bt-training.com
Mobile.0898118340
Www.bt-training.com ครับ