ครูสมศรีกับเลข 4 มาจากไหน
ในชั่วโมงคณิตศาสตร์ ครูสมศรี ถามคำถามกับนักเรียนว่า
“นักเรียนคะ รู้ไหมค๊ะว่า เลขสี่ มาจากไหน”
เด็กชาย ปริญญาลุกขึ้นตอบคนแรกว่า “ครูครับ เลข 4 เกิดจาก 2+2 ครับ” ยังไม่ทำเสร็จ เด็กหญิงปลายก็รีบตอบต่อทันที “เลข 4 เกิดจาก 10-6 ค่ะ” จากนั้นก็เริ่มมีเสียงตอบกันอย่างมากมาย
“เลข 4 เกิดจาก รากที่สองของ 16 ครับ” นิยมตอบต่อ
“เลข 4 เกิดจาก สองยกกำลังสองค่ะ” สมหญิงตอบบ้าง
“เลข 4 เกิดจาก 2X2 ค่ะ” ปราณีขอตอบอีกคน
“เลข 4 เกิดจาก 4+0 ครับ” วิชิตขอแจมด้วย
“เลข 4 เกิดจาก 16 หารด้วย 4 ค่ะ” กาญจนาตอบบ้าง
“เลข 4 เกิดจาก 4X1 ครับ” สำรวยขอตอบเป็นคนสุดท้าย
หลังจากที่ได้คำตอบจากลูกศิษย์ แล้วครูสมศรีก็ถามต่อว่า
“วิธีการของใครดีที่สุดคะ นักเรียน” ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำถาม นักเรียนตะโกนตอบ โต้กันดังลั่นห้อง จนครูสมศรีต้องรีบเคาะโต๊ะแล้วตะโกนบอก “เอ้า!! นักเรียนหยุดได้แล้ว ไม่ต้องเถียงกัน” จากนั้นก็เฉลยคำตอบให้กับนักเรียนฟัง
“จริงๆ แล้วการได้มาซึ่งเลข 4 นั้น มีหลายวิธีด้วยกัน สำหรับวิธีที่ดีที่สุดนั้น คงตอบไม่ได้เพราะแต่ละคน ก็มีวิธีการคิดทีแตกต่างกันออกไป การที่เราจะบอกว่าวิธีการของเรานั้นดีที่สุด ส่วนวิธีการของคนอื่นนั้นแย่กว่า หรือไม่ดีเท่าเรานั้น ห้ามทำโดยเด็ดขาดนะคะ!!! เพราะว่า คนแต่ละคนก็มีวิธีการคิดที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความรู้ ประสบการณ์ ของแต่ละคน แต่นักเรียนก็เห็นแล้วใช่ไหมคะว่า ไม่ว่าจะวิธีใด ก็ได้เลข 4 เหมือนกันถูกเหมือนกันหมดทุกคนนั่นแหละ จริงไหมคะนักเรียน………”
จากเรื่องของครูสมศรี กับที่มาของเลขสี่ และกลุ่มนักเรียน ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตการทำงานของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราประชุมกัน แต่ละแผนก แต่ละคนก็มักจะคิดว่าความคิดของตนเองนั้นถูกต้อง เหมาะสมกว่าของคนอื่น และความคิดของคนอื่นนั้นยังไง ๆ ก็ดูแย่ ไม่ว่าจะมองมุมไหน
จะดีกว่าไหมครับ? ถ้าเราลองมองมุมมองของคนอื่นดูบ้าง ทำลายกำแพงแห่งความเป็นตัวกูของกู เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ถ้าทำได้บริษัทก็จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ จะเสียเวลาไปถกเถียง หรือทะเลาะกันทำไมว่าของใครดีกว่ากัน เอาเวลานั้นมาช่วยกันคิดไม่ดีกว่าหรือครับ? อย่าลืมนะครับว่า “ความสำเร็จขององค์การไม่ได้วัดว่าวิธีการของใครดีที่สุด แต่วัดที่ความอยู่รอดขององค์การมากกว่าจริงไหมครับ?…………………….”