การสร้างทีมด้วย ทฤษฎีเกมส์ (Games Theory)
“ในการแข่งขัน เกม O/X มีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 6 คน กติกามีอยู่ว่า จับคู่กัน โดยให้เวลาแข่งขัน 10 นาที ถ้าใครทำจำนวนเกมได้มากที่สุด ก็จะได้ไปรับประทานอาหารฟรี 1 มื้อ”
ถามว่าบรรยากาศในการแข่งขันจะเป็นอย่างไร? คงหน้างิ่ว คิ้วขมวด กันน่าดูใช่ไหมครับ?
เมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที ผลสรุปออกมาดังนี้
คู่ที่ 1 คะแนนสูงสุด คือ 6 เกม ส่วนผู้ที่ได้รองมาคือ 4 เกม จากการแข่งขันทั้งหมด 10 เกม
คู่ที่ 2 คะแนนสูงสุด คือ 8 เกม ส่วนผู้ที่ได้รองมาคือ 5 เกม จากการแข่งขั้นทั้งหมด 13 เกม
คู่ที่ 3 คะแนนสูงสุด คือ 15 เกม ส่วนผู้ที่ได้รองมาคือ 14 เกม จากการแข่งขันทั้งหมด 29 เกม
ผลการแข่งขัน ผู้ที่ได้ไปรับประทานอาหารฟรี มาจากคู่ที่ 3 ได้สูงสุด คือ 15 เกม
จากผลการแข่งขันดังกล่าวท่านเห็นอะไรบ้าง?.................
จากการสัมภาษณ์ ผู้ที่รับรางวัล ถึงสาเหตุที่ทำให้ได้คะแนนสูงที่สุด เขากล่าวว่า “เราใช้วิธีตกลงกันว่า ถ้าเราแข่งขันกันอย่างจริงจัง เราก็จะต้องเครียด และผู้ที่ชนะเท่านั้นที่จะได้รับรางวัล แต่ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน โดยต่างคน ต่างผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ คนละหนึ่งตา ก็จะทำให้เราได้จำนวนเกมส์สูงที่สุด และสำหรับรางวัลที่ได้ เราก็ไปกินอาหารด้วยกัน เท่านี้เองครับ” และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้คู่ที่สามมีจำนวนเกมส์ สูงถึง 29 เกมส์ ซึ่งมากกว่าสองเท่าของทีมอื่น จากคำตอบดังกล่าว นำมาอธิบายตามแผนภาพได้ดังนี้
ผลการแข่งขัน A ชนะ A แพ้
B ชนะ ได้รางวัลทั้งคู่ ได้รางวัลเฉพาะ B
B แพ้ ได้รางวัลเฉพาะ A อดทั้งคู่
ถ้าทั้งสองคนต่างคนต่าแข่งขันกันอย่างเอาจริงเอาจังแล้วละก็ ก็จะทำให้มีคนใดคนหนึ่งแพ้ หรือชนะ และก็จะทำให้มีคนอดได้รางวัล หรืออาจอดด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าทั้งสองคนร่วมมือกัน นั่นหมายความว่าต่างคนต่างชนะ ซึ่งทำให้ได้รับรางวัลเท่าๆกัน ซึ่งก็คือ การได้ไปรับประทานอาหารฟรี นี่คือหลักการของ ทฤษฎี เกมส์ (Games Theory) ของ ศาสตราจาย์ แนช (ที่ผมเคยเรียนเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน) ส่งผลให้ท่านได้รับรางวัลโนเบลสาขา เศรษฐศาสตร์
ถ้าเราย้อนกลับมาที่หน่วยงานของเราบ้างล่ะ ถ้าเปรียบเทียบแต่ละคู่ คือบริษัทคู่แข่งของเรา และคู่แข่งแต่ละคน ก็คือ พนักงานที่ทำงานกันอยู่ในบริษัทนั้น ถ้าพนักงานแต่ละคน มัวแต่ขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน หรือไม่สามัคคีกัน แล้วละก็ เราจะชนะบริษัทคู่แข่งของเราได้อย่างไรจริงไหมครับ? เพราะถ้าคู่แข่งของเรา ทำงานเหมือนกับคู่ที่ 3 คือ ช่วยเหลือกัน สามัคคีกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ ความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
สุดท้าย ก็ขึ้นอยู่กับท่านล่ะครับว่า จะเลือกเป็นแบบไหน อยากเครียด แล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรืออยากมีความสุข แถมประสบความสำเร็จอีกต่างหาก ก็เลือกกันเอาเองแล้วกันนะครับ.................