เขียนโดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ วันที่เขียน 16 มีนาคม 2554
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปบรรยายหลักสูตรผู้จัดการโรงงาน ในหัวข้อ เครื่องมือบริหารคุณภาพแบบใหม่ 7 อย่าง หรือ New 7 QC Tools และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาผมก็ได้มีโอกาสไปบรรยายหลักสูตร การแก้ไข และป้องกันปัญหา หรือ CAPA: Corrective Action and Preventive Action
ซึ่งจากการบรรยายทั้งสองหลักสูตรนี้ จึงทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับการมอง และอยากนำมาแลกเปลี่ยนครับ
- “เอ้าว่าไปซิ งานเสียยังไง?” ผู้จัดการคุยกับลูกน้อง ระหว่างที่นั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านเมลล์ด่วนที่กำลังเข้ามา
- “ปัญหาคือ งานเป็นรอยขูด ระหว่างที่พนักงานนำงานเหล่านั้นออกมาจากเครื่องงานจักรครับ……..” ลูกน้องพยายามอธิบายรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อทำให้ผู้จัดการได้นึกภาพออกได้อย่างชัดเจนที่สุด
- “เดี๋ยวถ่ายรูป แล้วอธิบายรายละเอียด แล้วรีบส่งเมลล์มาให้ผมด้วยเลยนะ” หัวหน้าสั่งเสร็จแล้ว ก็รีบวางสายทันที
- “เฮ๊ย!!! กล้องถ่ายรูปอยู่ไหนว๊ะ รีบไปเอามาถ่ายรูปเร็ว หัวหน้าเขาจะรีบดู” หัวหน้าตะโกนสั่งลูกน้องที่เป็นผู้ช่วย ระหว่างที่ผู้ช่วยกำลังถ่ายรูปอยู่นั้น
- หัวหน้าก็ตัดพ้อในใจว่า “เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกครั้งที่เกิดปัญหาก็ทำแบบนี้ตลอดเลย เอาแต่ดูรูป ๆ ไม่มาดู สภาพความเป็นจริง ให้เห็นกับตา แล้วอย่างนี้จะไปแก้ไขปัญหาได้ยังไงเล่า จริงป่ะ?”
หลังจากที่หัวหน้าพูดจบ เสียงผู้ช่วย และพนักงานอีกหลายคน ก็ตะโกนเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ถูกต้องนะครับ”
หลายครั้งที่การแก้ไขปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือเรียกว่าเกาไม่ถูกที่คัน อาจมีสาเหตุมาจากการที่เราไม่ดูสภาพความเป็นจริงก่อนที่จะดำเนินการแก้ไข มักจะใช้วิธีดูจากภาพ ดูจากข้อมูล ผสมกับจินตนาการ และประสบการณ์เก่าๆ ก็จะได้วิธีการแก้ไขปัญหาขึ้นมา
ซึ่งถ้าโชคดี ก็แก้ได้ แต่ถ้าโชคไม่เข้าข้างแล้วละก็ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นมากวนใจตลอดไม่รู้จักจบจักสิ้น
เครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้คือ 5G โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อทำให้การแก้ไขปัญหา หรือสร้างคุณภาพงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความจริงมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วย
- GENBA หรือ พี้นที่จริง
- GENBUTSU ของจริง
- GENJUTSU สถานการณ์จริง
GENRI หลักการ และทฤษฎี GENSOKU ระบบกฏเกณฑ์ เพื่อ ศึกษาหลักการ และทฤษฎี รวมไปถึงกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำไปประกอบการแก้ไขปัญหา (ซึ่งมีรายละเอียดมากมายครับแล้วผมจะมาแลกเปลี่ยนภายหลังครับ)
เมื่อเกิดความผิดปกติเกิดขึ้น ท่านควรมองปัญหาออกเป็นสองส่วนครับ
- หนึ่ง ความผิดปกติจากกระบวนการ Process Problem โดยควรเข้าไปตรวจสอบให้เห็นชัดเจนทันที ห้ามใครไปแก้ไข หรือแตะต้องสิ่งใดโดยเด็ดขาด ยกเว้นกรณีที่จะเกิดอันตรายต้องจัดการแก้ไขทันที เหมือนตำรวจที่ไปตรวจสอบหาพยาน หลักฐาน นั่นเอง เพื่อจะได้หาหลักฐานที่แท้จริงจะได้แก้ไขได้ตรงจุด และเจอต้นตอที่แท้จริง
- สอง ความผิดปกติจากสินค้า Product Problem โดยควรเข้าไปจับ สัมผัส ให้เห็นกับตา จับให้ได้อารมณ์ และรู้จริง เช่น รอยขูด นั้นขูดลึก หรือขนาดยาวไหน? กี่เซ็นต์ กี่มิลลิเมตร หรือรอยแตก แตกแบบไหน? แตกแบบบิ่น แตกแบบกระเทาะ แตกแบบร้าว อีกมากมายครับ
ถ้ามีคนยื่นมีดด้ามหนึ่งให้กับท่าน แล้วบอกว่ามีดด้ามนี้คมมาก
ท่านจะเชื่อเขาได้อย่างไร? ถ้าหากท่านไม่เคยใช้มีดเล่มนั้นหั่นเนื้อ”
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าหากเราไม่ลองไปดูของจริง พื้นที่จริง สถานการณ์จริง และได้ทดลองทำจริงแล้ว เราจะไปพูดกับคนอื่นได้อย่างไรว่าปัญหานี้มีต้นตอมาจากสาเหตุใด และควรจะแก้ด้วยวิธีใด
จริงใหมครับ?