การทำงานแบบ 80:20 เพื่อความสำเร็จที่สูงขึ้น
เขียนโดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ วันที่เขียน 13 มีนาคม 2558 Email:tpongvarin@yahoo.com www.bt-training.com Mobile.089-8118340
สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับสัปดาห์นี้ผมขอเสนอแนวคิดสั้นๆ จากบทเรียนที่ได้จากการไปบรรยายหลักสูตรการดำเนินกิจกรรมไคเซ็น การลดต้นทุน การปรับปรุงการทำงาน ให้กับหลายองค์การ ลองอ่านดูนะครับ
หลายครั้งที่ผมเข้าไปบรรยายหลักสูตรเกี่ยวกับการปรับปรุง และพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการลดต้นทุน พบว่าบางบริษัทพนักงานจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมสักเท่าไหร่ ซึ่งจากการสอบถามทำให้ได้คำตอบว่า สาเหตุที่ไม่ค่อยให้ความสนใจในการปรับปรุงการทำงานเพราะว่า
“งานประจำก็ยุ่งพออยู่แล้ว เอางานประจำให้ดีก่อนแล้วกัน
เรื่องการปรับปรุงค่อยว่ากัน”
ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรที่อาจจะคิดแบบนี้ เพราะงานเขาอาจจะยุ่งจริงๆ ก็เป็นได้ อันนี้เราไม่ว่ากัน แต่ถ้างานไม่ยุ่ง แต่ไม่อยากที่จะมีส่วนร่วมในการปรับปรุง และพัฒนางาน เพราะคิดว่า
“เป็นเรื่องของหัวหน้า” “เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” “ทำงานประจำให้ดีที่สุด แค่นี้ก็น่าจะพอ” “ทำตามเงินเดือน” “เอาไว้ให้คนอื่นทำก่อน แล้วเราค่อยทำตามก็แล้วกัน”
ถ้าหน่วยงานไหนมีพนักงานที่คิดแบบนี้อยู่แล้วละก็ ลองนำบทความนี้แล้วนำไปแลกเปลี่ยนกันดูนะครับ
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยทำงานบริษัท หรือที่เรียกง่ายๆ ว่ามนุษย์เงินเดือนนั่นแหละ สมัยที่ทำงานใหม่ๆ สภาพการแข่งขันทางธุรกิจไม่รุนแรงเหมือนเช่นในปัจจุบัน อาจเป็นเพราะ ค่าแรง ค่าวัตถุดิบ ค่าดำเนินการ หรือค่าโสหุ้ยต่างๆ ไม่แพงหุฉี่เหมือนในปัจจุบัน การทำงานของเราสมัยนั้นจึงไม่ต้องแข่งขันอะไรกันมาก ซึ่งตรงข้ามกับในปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง แรงจนไม่มีที่ยืนสำหรับผู้พ่ายแพ้ หรือผู้ผิดพลาด เพราะคู่แข่งคอยเสียบเข้ามาแทนที่เราตลอดเวลา ดังนั้นทุกองค์การต้องมีการปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) สมัยก่อน เราทำให้ลูกค้าพอใจระดับ Good เราก็ว่าดีแล้ว แต่ในปัจจุบัน เราต้องทำให้รู้สึกว่าเรา คือ The Best หรือ Excellence คือ ต้องดีเลิศ ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ทิ้งคู่แข่งไม่ให้เห็นฝุ่น ดังนั้นบริษัทส่วนใหญ่จึงมีตัวชี้วัด (KPI: Key Performance Indicators) ในหัวข้อ การปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) เพิ่มเข้าไปอีกข้อเพื่อกระตุ้นให้พนักงานต้องมีการปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นมากกว่าการปฏิบัติงานในอดีต
การที่บริษัท หรือองค์การจะก้าวไปสู่จุดนั้นได้ จะอาศัยเครื่องจักร เครื่องมือ หรือระบบการปฏิบัติงานอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องอาศัยพนักงานที่มีศักยภาพสูง (High Performance) อีกด้วย สำหรับพนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงนั้น ในอดีต อาจหมายถึงพนักงานที่ทำงานประจำได้ตรงตามเป้าหมาย แค่นี้ก็น่าจะเข้าข่ายแล้ว ดังนั้นเวลาการปฏิบัติงานส่วนใหญ่ก็จะใช้ไปกับการทำงานประจำเกือบทั้งหมด การปรับปรุงการทำงานแทบจะไม่มีเลย เพราะยังไม่จำเป็นเท่าไหร่
แต่สำหรับในปัจจุบัน คนที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นพนักงานที่มีศักยภาพสูงนั้น โดยต้องคิดปรับปรุงงานที่ทำ ควบคู่กับการทำงานประจำ โดยสังเกตได้จากการที่ต้องทำให้เร็วกว่าเดิม ดีกว่าเดิม และประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมโดย จะมาทำงานชักช้า อืดอาด ยืดยาด ผิดๆ พลาดๆ แก้ไขปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นสำหรับการบริหารเวลาในการทำงานของผู้ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และอนาคต ก็จะแบ่งเวลาออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกประมาณ 80% คือ การทำงานประจำ ต้องทำให้ดี ให้บรรลุตามเป้าหมาย ที่กำหนด และส่วนที่สองอีก 20% คือการปรับปรุงงาน โดยต้องคิดค้นหาจุดที่จะปรับปรุงให้การทำงานดีกว่าเดิม และดีขึ้น ๆ อย่างต่อเนื่อง
ลองคิดดูง่ายๆ ก็แล้วกันนะครับ ถ้าท่านมีลูกน้องสองคน คนแรกทำงานประจำได้ดีเยี่ยม ไม่มีที่ติ ส่วนคนที่สองทำงานได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีที่ติเช่นเดียวกัน แต่คนมักจะปรับปรุงการทำงานให้เร็วกว่าเดิม ลดต้นทุนได้มากกว่าเดิม ท่านจะประเมินผลงานให้ใครดีกว่ากัน ฉันใด ก็ฉันนั้น หัวหน้างานของเรา ก็จะประเมินผลลัพธ์ของงานจากการทำงานของเราด้วยวิธีนี้เช่นกัน รู้อย่างนี้แล้วก็ยังไม่สายเกินไป รีบปรับวิธีคิด วิธีการทำงาน เพื่อความสำเร็จในปัจจุบัน และอนาคตกันดีกว่า ดีไหมครับ...