พนักงานคิดแบบไหนที่องค์การต้องการ
เขียนโดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ วันที่เขียน 18 มีนาคม 2558 Email:tpongvarin@yahoo.com www.bt-training.com Mobile.089-8118340
สวัสดีครับทุกท่านสัปดาห์นี้ผมขอนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับจิตสำนึกคุณภาพ (Quality Awareness) มาแลกเปลี่ยนครับ โดยได้แนวคิดมาจากการไปบรรยายเรื่องการลดต้นทุน และการดำเนินกิจกรรมไคเซ็นให้กับหลายบริษัท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลองอ่านกันดูนะครับ
ที่แผนกผลิตของบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกซ์แห่งหนึ่ง
เรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อตอนเริ่มกะเวลาประมาณ สองทุ่มกว่าๆ (เวลาทำงานกะดึก 20.00 น – 08.00น.) หัวหน้าบอก กับพนักงานทุกคนให้เข้มงวดกับงานให้มากๆ เพราะพนักงานแผนกคิวซี (QC: Quality Control Circle) บอกว่าพบงานเสียตั้งแต่กะเช้าและมีงานเสียหลุดออกไปจำนวนมาก ขอให้พนักงานทุกคนระมัดระวังหน่อย เพราะไม่อยากให้กะดึกของเราเสียชื่อ
แต่แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ โดยก่อนที่จะเลิกกะ หัวหน้าแผนกคิวซีก็มาแจ้งอีกว่าพบปัญหางานเสียตอน ตีสาม และตอนประมาณหกโมงเช้าซ้ำอีกครั้ง หัวหน้าฝ่ายผลิตก็เลยปรี๊ดแตก.... และมีการปะทะคารมก็เกิดขึ้น
ด้วยความโกรธ ผสมกับความง่วง จึงตะโกนถามหัวหน้าแผนกคิวซีว่า
“ทำไมเพิ่มมาบอกผมตั้งแต่ตีสามล่ะว่ามีงานเสีย”
“ก็คุณไม่มาถามนี่” ตอบด้วยอารมณ์โมโห ไม่แพ้กัน
แล้วการเถียงอย่างดุเด็ด เผ็ดมันส์ ก็เกิดขึ้น
จุดจบของปัญหานี้ส่งผลทำให้ทั้งหัวหน้าฝ่ายผลิต และหัวหน้าแผนกคิวซี ต้องอยู่รายงานเรื่องราวการปฏิบัติงาน ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กับผู้จัดการทั้งสองแผนกทราบ กว่ะจะได้กลับบ้านก็เกือบสิบโมง
จากกรณีศึกษาพบว่า ต่างคนต่างคิดว่า “คนอื่นน่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้...” หรือคิดว่า “คนอื่นเขาคงจะทำอย่างนั้นอย่างนี้...” ปัญหาจึงเกิดขึ้น จะเห็นว่า ปัญหานี้หัวหน้างานฝ่ายผลิตคิดว่า เมื่อเกิดปัญหา หัวหน้าฝ่ายคิวซีก็น่าจะมาแจ้ง ส่วนหัวหน้าฝ่ายคิวซีก็คิดว่า เมื่อเกิดปัญหาหัวหน้างานฝ่ายผลิตน่าจะมาติดตามงานเอง ผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ต้องกลับบ้านสาย แถมมาเถียงกันให้อายลูกน้อง และเพื่อร่วมงานอีกจริงไหมครับ
จะดีกว่าไหมถ้าเราเปลี่ยนความคิดที่ว่า “คนอื่นน่าจะทำ คือ คนอื่นต้องมาทำเพื่อเรา” ไปเป็น “เราควรจะทำอะไรให้คนอื่นก่อนที่จะให้คนอื่นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้กับเรา” อย่างกรณีนี้ ถ้าหัวหน้าฝ่ายผลิตเริ่มจากความคิดที่ว่า “เราควรจะไปติดตามงานของเรานะ เพราะนี่คือความรับผิดชอบของเรา ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาบอก เพราะคนอื่นเขาอาจจะยุ่งก็ได้ เราจึงควรเดินไปหาเขา ดีกว่าให้เขาเดินมาหาเรา” และหัวหน้าฝ่ายคิวซีก็เริ่มจากความคิดที่ว่า “เราควรจะไปบอกเขานะ เพราะถ้าเขารู้ เขาจะได้แก้ไขปัญหา ไม่เกิดของเสีย และการที่เขาไม่มาถามเราก็อาจเป็นเพราะเขากำลังยุ่งอยู่ก็ได้ เราจึงควรไปบอกเขาดีกว่าที่จะมานั่งรอให้เขามาถาม”
ถ้าหากสองคนนี้ คิดแบบนี้ตั้งแต่แรกปัญหาของเสีย การผลิตผิดพลาด ต้นทุนสูง ส่งสินค้าไม่ทัน ก็คงไม่เกิดขึ้นจริงไหมครับ ลองคิดดูนะครับว่า
องค์การต้องการคนแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง พนักงานที่คิดถึงตนเองก่อน คนอื่น และมองว่าคนอื่นต้องทำงานเพื่อตนเอง กับ พนักงานที่คิดถึงคนอื่นก่อนตนเอง และทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อองค์การมากกว่าตนเอง และองค์การที่จะเจริญก้าวหน้าควรมีพนักงานแบบไหนมากกว่ากัน...