ทุนมนุษย์ กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเอง
โดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340
สวัสดีครับทุกท่านบทความตอนนี้ผมได้แนวคิดมาจากประสบการณ์ที่ได้ไปบรรยายให้กับบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทที่เปิดมามากกว่า 20 ปี และได้มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานบางท่านที่มีอายุงานมากกว่า 20 ปี บางท่านเป็นรุ่นตอกเสาเข็มของบริษัท ระหว่างที่พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการวางแผน เพื่อแก้ไขปัญหาและความสำเร็จในชีวิตการทำงาน ผมก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ ว่า
“ทำไมคนที่มีอายุงานเท่าๆกัน หรือใกล้เคียงกัน ทำไมบางคนประสบความสำเร็จ
แต่ตรงข้ามกับบางคนย่ำอยู่กับที่ ล้มเหลว และชีวิตติดลบ…?”
โชคดีของผมที่ช่วงนี้อ่านหนังสือเกี่ยวกับ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) พอดี จึงได้แนวคิดเกี่ยวกับ ทุนมนุษย์ (Human Capital) ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นกุญแจไขข้อข้องใจนี้ แต่จะขออธิบายแบบรวดรัดเลยนะครับ คำว่าทุนมนุษย์นี้มีประวัติมายาวนาน ตั้งแต่สมัย อดัมสมิธ (Adam Smith) บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ทักษะของมนุษย์เปรียบเสมือนเครื่องจักร ซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายอยู่ส่วนหนึ่ง และทักษะดังกล่าวก่อให้เกิดผลได้ในรูปของกำไร” จากนั้นก็มีปราชญ์หลายต่อหลายท่านได้ให้นิยามอื่นๆ เพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ตามการพัฒนาของโลก และการบริหารทรัพยากรมนุษย์จนในปัจจุบัน ซึ่งผมขอยกนิยามของทุนมนุษย์ ที่เขียนโดย รศ.ดร. จีระ ประทีบ รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช ในหนังสือ เอกสารการสอนชุดวิชา การพัฒนาทัรพยากรมนุษย์ บทที่ 2 หน้า 2-7 ไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ทุนมนุษย์ (Human Capital) หมายถึง ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ และสุขภาพพลานามัยที่ได้สร้าง พัฒนา และสั่งสมไว้ในตัวมนุษย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำไปเพื่อเพิ่มผลผลิตขององค์การ และการพัฒนาประเทศ”
ขอนำแนวคิดนี้มาขยายความเพิ่มเติมดังนี้ครับ
“คนเราทุกคนมีค่า (Value) และเราก็ต้องเพิ่มมูลค่า (Value Added) ให้กับตัวเอาเองด้วยการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น อ่านหนังสือ บทความ เข้ารับการอบรม สนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และ ฝึกฝนทักษะด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเอง และองค์การ รวมไปถึงประเทศชาติที่รักของเรา”
เราลองมาเปรียบเทียบกันดูระหว่าง บุญชู บุญเกิด และบุญส่ง ทั้งสามคนเข้างานวันเดียวกัน สิ่งที่ทั้งสามคนเหมือนกันคือ เรียนจบปริญญาตรี สาขาเดียวกัน เกรดเฉลี่ย สูงพอๆ กัน ทำงานในตำแหน่งเดียวกัน แต่การใช้ชีวิตต่างกัน ดังนี้
บุญส่ง ทำงานไปวันๆ ไม่ตั้งใจทำงาน หัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน เสนอแนวทางในการปรับปรุงอะไร แกไม่เอาด้วย แถมคอยค้านตลอด เพราะไม่อยากทำงานเพิ่ม ในหัวของเขา คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ยิ่งวันหยุดยาวยิ่งใจจดใจจ่อ และเตรียมวางแผนที่จะลาล่วงหน้าเพื่อที่จะไปเที่ยว ไปตกปลา และดื่มเหล้า
บุญเสริม ทำงานตามมาตรฐาน ไม่ผิดพลาด ตรงตามความต้องการของหัวหน้า ไม่เสนอแนวคิดอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าใครเสนออะไรมาก็ไม่ขัด ทำตามได้ดี
บุญสร้าง ทำงานสูงกว่ามาตรฐาน ขยันอ่านหนังสือ มักจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัว โดยจะเข้าร่วมอบรม สัมนาตลอด ควักกระเป๋าตัวเองก็ไม่ว่า ขอให้ได้เรียนรู้ วันหยุดก็ไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น และยังเป็นผู้ที่มักจะเสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหา หรือปรับปรุงงานตลอด
ไม่ต้องเฉลยท่านก็รู้ว่าใครจะเติบโต และก้าวหน้าได้มากกว่ากันจริงไหมครับ? ท่านลองทบทวนตัวท่านเองดูนะครับ ว่าตอนนี้ ท่านเหมือนกับใคร “บุญส่ง” “บุญเสริม” หรือ “บุญสร้าง” ถ้ารู้แล้วยังไม่สายรีบเพิ่มทุนมนุษย์ ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเราเองเสียแต่วันนี้เลยนะครับ สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจที่ว่า “คน จะมีมูลค่า ถ้ารู้จักเพิ่มมูลค่า (Value Added) ให้กับตนเอง และคนจะไร้คุณค่า ถ้า เราทำลายคุณค่าที่มีอยู่ในตัวของเราเอง” โชคดีครับ .....
ท่านสามารถอ่านบทความอื่นๆ ที่สนใจได้ที่ www.bt-training.com ครับ