เจ็บนี้ใครผิด กับ Risk Management (การบริหารจัดการความเสี่ยง)
โดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340 facebook:BT-Corporation
สวัสดีครับทุกท่นาน บทความตอนนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เรามักจะลืม จนอาจจะทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้โดยไม่คาดคิด เรามาลองศึกษากันดูนะครับ
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!!!!!!” “เปี้ยะ............” “โอ๊ย !!!!!”
นี่คือเสียงที่ผมได้ยิน ส่วนภาพที่ผมเห็นคือ เด็กนักเรียนอนุบาลเปิดประตูรถแบบอ้าเต็มที่เลย แล้วก็มีผู้ปกครองซึ่งผมดูแล้วน่าจะเป็นคุณตา หรือคุณปู่ รีบวิ่งออกจากรถด้านคนขับโดยอ้อมมาทางด้านหลังรถ แล้วก็ตะโกนคำนั้น จากนั้นก็ตีที่แก้มเด็ก ครับ......
นี่คือภาพที่ผม และผู้ปกครองท่านอื่นๆ เห็น ถ้าเราดูเผินๆ หรือฟังแค่นี้ เราก็คงคิดว่าเด็กผิดเต็มๆ และสมควรที่จะรับโทษ แต่ถ้าลองมาพิจารณาข้อมูลให้มากกว่านี้ความคิดของท่านอาจจะเปลี่ยนเหมือนผมก็ได้
สิ่งที่ผมเห็น และผมได้ยิน นอกเหนือจากที่ได้เล่ามาแล้วก็คือ การจอดรถของผู้ปกครองท่านนี้ที่ไม่ถูกต้อง คือ ท่านไปจอดรถด้านข้างถนนหลัก ที่รถทุกชนิดขับผ่านไปได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาจัดที่จอดรถให้มากมายเป็นร้อยคัน แต่ก็ไม่ยอมขับไปจอด แต่ชอบไปจอดข้างถนน หรือเขาอาจจะคิดว่า ถ้าขับรถเข้าไปจอดในลานจอดอาจต้องเสียเวลา และต้องเดินเพิ่มก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รับรองว่ามีความปลอดภัยแน่นอน เพราะถ้าเราจอดในช่องจอด จะมีพื้นที่ด้านข้างรถ เหลือกว้างพอสำหรับการเปิดประตู และไม่ต้องห่วงว่าจะมีรถขับผ่านไปมาให้หวาดเสียวอีกด้วยสวนมาอีกด้วย
ระหว่างที่ผมขับรถกลับบ้าน ผมก็นำภาพนั้นมานั่งคิด ตามหลัก การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ที่ผมเคยไปบรรยายให้กับหลายองค์การ โดยเปรียบเทียบความเสี่ยง และผลกระทบระหว่างการตัดสินใจจอดรถบริเวณข้างถนน กับการจอดรถในลานจอดที่กำหนดไว้ เราลองมาช่วยกันพิจารณานะครับ
ทางเลือกที่ 1 จอดรถข้างถนน บนไหล่ทาง (ครึ่งหนึ่งของรถ อยู่บนไหลทาง อีกครึ่งหนึ่ง อยู่บนถนนที่มีรถวิ่งขวักไขว่)
ข้อดี สะดวก รวดเร็ว
ความเสี่ยง อุบัติเหตุ เช่น รถชนกัน เด็กถูกรถเชี่ยว รถชน ทรัพย์สินเสียหาย
โอกาสเกิด โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ทุกครั้งที่จอดรถ ซึ่งจะมีโอกาสมากๆ เมื่อช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถวิ่งกันตลอด เช่น ช่วงเช้าก่อนโรงเรียนเข้า คือ 7.00น. -8.10น.
ผลที่ตามมาถ้าความเสี่ยงเกิดขึ้น เสียเวลา เสียค่าโทรศัพท์ เสียเวลาเอารถไปซ่อม เสียประวัติในการทำประกันรถ เด็กได้รับบาดเจ็บ เสียค่าใช้จ่าย และถ้าร้ายแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้
ทางเลือกที่ 2 จอดรถในลานจอด
ข้อดี ปลอดภัย
ความเสี่ยง ไปโรงเรียนสาย เพราะต้องเดินมากกว่าเดิม แต่ถ้ามาโรงเรียนไวเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา
โอกาสเกิด โอกาสที่เด็กจะเข้าห้องเรียนสาย น้อยหรือแทบ ไม่มี เพราะเด็กอนุบาล ไม่เข้มงวดเวลาเข้ามากนัก สายครูก็เข้าใจเพราะเป็นเด็กเล็ก
ผลที่ตามมาถ้าความเสี่ยงเกิดขึ้น เด็กก็อาจจะพลาดโอกาสในการเข้าแถวหน้าเสาธง หรืออาจพลาดโอกาสในการทำกิจกรรมในช่วงเช้า
ไม่ต้องตอบนะครับว่าเราควรจะเลือกจอดที่ไหน? เพราะผมเดาได้เลยว่า ผู้ปกครองทุกท่านร้อยเปอร์เซ็นต์ทราบว่าที่ไหนจอดแล้วปลอดภัย และที่ไหนที่เสี่ยงจะเกิดอันตราย แต่เชื่อไหมครับว่าทั้งๆ ที่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ก็ยังมีบางท่านที่ยังชอบเสี่ยงอยู่ ถ้าเราลองย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เด็กน้อย โดนตวาด และโดนตี ทั้งๆที่ เขาก็ทำเหมือนเดิม คือ เมื่อรถจอดปุ๊ป เขาก็เปิดประตูลงมาเองปั๊ป ทั้งที่บ้าน ที่ตลาด ที่ห้างสรรพสินค้า ที่สนามกีฬา คือ ทุกๆที่ เด็กคนนี้ก็จะทำแบบนี้ และไม่เคยโดนตวาด และโดนตี แต่บังเอิญวันนี้รถมาจอดข้างถนนที่หน้าโรงเรียนซึ่งเป็นที่ๆ ไม่ควรจอด เด็กจึงโดนแบบนี้ จากเหตุการณ์นี้ ถ้าเราถามว่าใครผิด ถ้าไปถามผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่อาจจะตอบว่า “เด็ก” ตรงข้าม ถ้าไปถามเด็ก เด็กก็คงตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครผิด แต่ที่แน่ๆ ผมเจ็บครับ”
สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจที่ว่า “วิธีที่จะลดความเสี่ยงได้ดีที่สุด คือ หาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อทำให้ความเสี่ยงเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด แล้วลงมือทำตามหนทางนั้น หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ ไม่ประมาทนั่นเอง” โชคดีครับ .....
ท่านสามารถอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.bt-training.com ครับ