เมื่อที่มา สำคัญกว่าคำตอบ
โดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340
facebook: Thongpunchang Pongvarin , BT-Corporation
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในโลกนี้มีทรายทั้งหมดมีกี่เม็ด?
(ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สาขาฟิสิกส์)
“ถามมาได้ยังไง ใครจะตอบได้ล่ะ” นี่คือ ความคิดแว๊บแรก ของผมหลังจากที่อ่านคำถามนี้ จากหนังสือที่มีชื่อว่า คุณคิดว่า ตัวเองฉลาดไหม? Do You Think You’re Clever? ที่เขียนโดย JOHN FARNDON ของสำนักพิมพ์ ไดรฟ์
จากนั้นก็เก็บหนังสือเข้าตู้ จนเมื่อวานนี้ ผมนำกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง โดยเริ่มอ่านตั้งแต่บทนำใหม่ และจากนั้นก็อ่านตรงคำถามเดิมจนจบ ทำให้เรียนรู้หลายเรื่องที่ผมไม่น่าพลาด ผมพบว่า นี่มันไม่ธรรมดาเสียแล้ว!!! คำถามนี้มีตั้งแต่ยุคโบราณ โดยอาร์คีมีดีส ปราช์ชาวกรีก ได้คำนวนเอาไว้ตั้งแต่ 300 กว่าปี ก่อนคริสตกาลว่า ถ้าจะถมจักรวาลได้เต็ม ต้องใช้ปริมาณทรายถึง 1063 เม็ด โดยท่านได้พัฒนาตัวเลขต่างๆ ขึ้นมาจากของเดิมที่อยู่เพียงแค่ 27 ตัวในสมัยนั้นเพื่อใช้ในการหาตำตอบนี้ ส่วนในปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์สองท่านได้คำนวน โดยคาดคะเนปริมาณทรายในหินตะกอน ทะเลทราย ชายหาดทั่วโลก สรุปว่า โลกมีปริมาณทราย 875 ล้านล้านล้านล้านเม็ด (ล้านสี่ครั้ง)
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครถูก ใครผิด และเม็ดทรายบนโลกจริงๆ มีอยู่กี่เม็ด เพราะเราคงไม่มีความสามารถที่จะไปนับจำนนวนเม็ดทราย เอาแค่เม็ดทรายในช้อนกาแฟ ผมคิดว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะนับได้เสร็จ และถ้าทั้งโลกละก็ไม่รู้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่จริงไหมครับ?
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากคำถามนี้คือ
“บางครั้งกระบวนการคิด และความพยายายาม ในการคิดค้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบอาจมีค่ามากกว่า คำตอบที่ได้รับหลายร้อย หลายล้านเท่า”
เพราะระหว่างที่เราคิดค้นหาคำตอบ เราก็จะต้องใช้เครื่องมือ หลักการ และเหตุผลต่างๆ มาประกอบเพื่อยืนยันในคำตอบที่ได้นั้น ซึ่งผลลัพธ์ทางตรงที่ได้ก็คือ คำตอบของคำถามนั้น และผลลัพธ์ทางอ้อมซึ่งหลายๆ คนมองข้ามคือ เราได้เรียนรู้กระบวนการ ขั้นตอน ในการคิด การประยุกต์ใช้เครื่องมือ ได้ลองผิด ลองถูก และได้ฝึกฝนทักษะหลายด้าน เช่น การรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น ได้ฝึกฝนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การฝึกการอดทน และการรอคอย ซึ่งทำให้เราได้ความรู้ และประสบการณ์ใหม่ๆ ในระหว่างนั้นไปด้วย ซึ่งผลลัพธ์ทางอ้อมนี้จะใช้เงินมากมายขนาดไหนก็ซื้อไม่ได้
สิ่งนี้เองที่ทำให้ผมได้นึกย้อนไปถึงทุกครั้งที่ผมได้มีโอกาสไปบรรยายในหัวข้อการแก้ไขปัญหา หรือได้รับเกียรติเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรมปรับปรุงงานต่างๆ เช่น กิจกรรมคิวซีซี ไคเซ็น Makikami Theme Achievement เป็นต้น สิ่งที่ผมชอบพิจารณามากไม่แพ้ผลลัพธ์ที่ได้หลังการแก้ไข หรือการปรับปรุง คือ กระบวนการ ที่ทำให้ได้มาซึ่งคำตอบ ยิ่งทีมใด แสดงให้เห็นว่า กว่าจะได้มาซึ่งคำตอบนั้น ต้องทุ่มเท ใช้เวลา และความพยายามมาก คิดแล้ว คิดอีก ทำแล้ว ทำอีก คิด ทำ ปรับปรุง จนได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ถึงแม้ผลลัพธ์ที่ได้ อาจไม่ได้มีมูลค่าที่แปลงเป็นเงินได้สูงเทียบเท่ากับทีมอื่นก็ตาม แต่สำหรับหัวข้อเรื่องการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาผมจะให้คะแนนสูง มากกว่าทีมอื่นที่มักจะสรุปเอาเลยว่า ปัญหาคืออะไร และก็แก้ไขไปเลย ไม่คิดให้ลึกซึ้ง รอบด้าน ครบทุกประเด็น
สรุปส่งท้ายบทความได้ว่า “บางครั้งสิ่งสวยงามอาจไม่ใช่คำตอบ แต่กลับอยู่ที่กระบวนการหาคำตอบ” สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจ ที่นักปีนเขาส่วนใหญ่นิยมพูดว่า “บางครั้งความสุขที่ได้รับอาจไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่กลับอยู่ที่บรรยากาศริมสองข้างทางมากกว่า” ซึ่งผมก็เห็นด้วยจริงๆครับ .....
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ www.bt-training.com และ
Facebook fan page: Thongpunchang Pongvarin