Easy 7QC Tools เครื่องมือที่ 6 แผนภูมิการกระจาย (Scatter Diagram)
(ตอนที่ 1) โดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340
facebook: Thongpunchang Pongvarin , BT-Corporation
******************************************************************************************************
ถ้ามีคนบอกว่า
“ถ้าพ่อตัวสูง ลูกจะตัวสูง” ท่านจะตัดสินใจเชื่อโดยทันทีเลยไหม?
พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่อง “กาลามะสูตร” คือ ท่านไม่ให้เชื่ออะไรโดยขาดการใช้ปัญญาโดยเด็ดขาด เพราะถ้าเชื่อเพราะ คนส่วนใหญ่เชื่อ หรือเพราะมีคนบอกให้เชื่อ เราอาจจะกลายเป็นเหยื่อของความงมงายได้จริงไหมครับ? ดังนั้นต้องใช้ปัญญาพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าสิ่งนั้นจริง เราถึงควรจะเชื่อ ดังนั้นก่อนที่เราจะเชื่อว่าถ้าพ่อตัวสูง ลูกก็จะตัวสูงนั้นจริงหรือไม่นั้น ผมขอประยุกต์ใช้แผนภูมิการกระจายมาเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยเริ่มต้นจากเราวัดส่วนสูง ของทั้งสองคน คือ “พ่อ” กับ “ลูก” เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลมาเปรียบเทียบ ดังนี้
หลังจากได้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อยเราก็ต้องมาบันทึกลงกราฟ ดังรูป จากแผนภูมิเราจะเห็นว่า จุดที่เกิดขึ้นจะเกาะกลุ่มกันเป็นแนวเส้นทะแยงมุม ซึ่งดูแล้วน่าจะมีความสัมพันธ์กัน แต่เราจะสรุปไปเลยว่า ถ้าพ่อสูง แล้วลูกจะสูงเลยไม่ได้นะครับ ต้องทำการวิเคราะห์ต่อไปอีกเพื่อทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้เราเชื่ออย่างมีเหตุผลมากที่สุด ซึ่งผมจะอธิบายต่อไป จากตัวอย่างการที่ผ่านมาคงทำให้ท่านเริ่มเข้าใจประโยชน์ของผังการกระจายแล้วใช่ไหมครับ ดังนั้นต่อไปนี้เรามาเรียนรู้ให้ลึกซึ้งกันต่อเลยนะครับ
ผังการกระจาย (scatter diagram) เป็นเครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้ในการแก้ไขปัญหาคุณภาพ โดยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์จากคุณสมบัติ 2 ประการ เช่น อุณภูมิของเตาหลอม กับความแข็งของชิ้นงาน หรือ อุณภูมิ กับ อัตราการเติบโต ปริมาณวัตถุดิบที่ใส่เข้าไปเพิ่ม กับ ความเหนียวที่เกิดขึ้น เป็นต้น สำหรับขั้นตอนการจัดทำ ผังความสัมพันธ์มีดังต่อไปนี้
1. เก็บรวบรวมข้อมูล โดยบันทึกข้อมูลสิ่งที่เราสนใจมาเป็นคู่ๆ อย่างน้อย 30 ข้อมูล (ยิ่งมากก็จะยิ่งน่าเชื่อถือ แต่อาจทำให้เสียเวลาทั้งในการจัดเก็บ และการคำนวน) โดยต้องเป็นข้อมูลที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่น เครื่องจักรเดียวกัน วันที่ผลิตที่ไม่ห่างกันมาก เช่น ช่วงสัปดาห์เดียวกัน วันเดียวกัน ก็ยิ่งดี โดยเราจะบันทึกข้อมูลในตาราง (check sheet) (7 QC Tools ชนิดแรกที่ผมได้อธิบายไว้ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bt-training.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539885575&Ntype=1)
2. เขียนกราฟ โดยนำข้อมูลที่ได้จากข้อ 1 มาเขียนกราฟ ซึ่งมีวิธีปฏิบัติดังนี้
2.1 ลากเส้นแนวตั้ง และแนวนอนให้ตั้งฉากกัน
2.2 เขียนชื่อหัวข้อของข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมมาต่อท้ายแกนตั้ง แกนนอน (ดังรูป)
2.3 พิจารณาช่วงของข้อมูล แล้วจัดทำสเกล (scale) ให้เหมาะสม โดยควรพิจารณาค่าต่ำสุด และสูงสุด ของข้อมูลแต่ละกลุ่มก่อนนะครับ เพื่อทำให้เราสามารถกำหนดค่าต่ำสุด สูงสุด และช่องว่างของแต่ละช่อง หรือสเกลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด
2.4 เขียนจุด โดยอ่านตัวเลขจากตารางหัวข้อแรก หรือช่องแรก แล้วลากเส้นเบาๆไปทางซ้าย จากนั้นอ่านตัวเลขหัวข้อที่สองเราจะได้จุดตัดนั้นพอดี
2.5 ทำตามข้อ 2.4 จนครบทุกจุด
2.6 ลากเส้นแนวนอนเพื่อแบ่งครึ่งจุด บน-ล่าง โดยให้จำนวนจุดด้านบน และด้านล่างของเส้นมีจำนวนเท่าๆ กัน
2.7 ลากเส้นแนวตั้งแบ่งครึ่งจุด ซ้าย-ขวา โดยให้จำนวนจุดด้านซ้าย และด้านขวามีจำนวนเท่าๆกัน
2.8 กรณีที่จำนวนจุดเป็นเลขคี่เราอาจลากเส้นทับจุดที่อยู่ตรงกลาง ทั้งแนวนอน และแนวตั้ง ซึ่งเราจะแบ่งจุดออกได้เป็น 4 ส่วน
2.9 รวมจำนวนจุดที่ได้เข้าด้วยกัน โดยนำ n1+n3 ได้ค่าแรก และ n2+n4 ได้ค่าที่ สอง ในแต่ละช่อง (Quadrant) และกำหนดให้ช่องมุมบนด้านขวามือ เป็นช่องที่หนึ่ง หรือ n1 ส่วนช่องบนด้านซ้ายมือคือ n2 มุมล่างซ้ายมือ คือ n3 และสุดท้าย มุมล่างขวามือกำหนดให้เป็น n4
3. พิจารณาความสัมพันธ์กันดังนี้
3.1 n1+n3 > n2+n4 แสดงความคุณสมบัติทั้งสองที่เรานำมาวิเคราะห์นั้นมีความสัมพันธ์เชิงบวก หรือ มีความคลาดเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
3.2 n1+n3 < n2+n4 แสดงความคุณสมบัติทั้งสองที่เรานำมาวิเคราะห์นั้นมีความสัมพันธ์เชิงลบหรือ มีความคลาดเคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้าม
3.3 n1+n3 ไม่เท่ากับ n2+n4 นั่นแสดงว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันเลยครับ
4. คำนวนหาค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ (correlation) โดยการคำนวนค่าต่างๆ ที่ได้จากข้อมูล ตามสูตร ซึ่งจะทำให้เราทราบว่าข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมมานั้นมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร แต่ไม่ได้บอกว่าสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใดนะครับ โดยจะมีค่าที่จะเรียกว่า สัมประสิทธ์ของความสัมพันธ์ เป็นตัวที่บอกถึงขนาด และความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งสอง (เรื่องนี้ผมขอเอาไว้อธิบายในครั้งต่อไปก็แล้วกันนะครับ)
สำหรับบทความตอนนี้ขอนำเสนอแนวคิด และวิธีการจัดทำก่อน ส่วนในตอนต่อไปเราจะมาศึกษาตัวอย่างการประยุกต์ใช้แผนภูมิการกระจายกันนะครับ
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ www.bt-training.com
Facebook/fanpage: Thongpunchang Pongvarin , BT Corporation Co.,Ltd.