การเพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิต เรื่องจริงที่รอไม่ได้
โดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340
facebook: Thongpunchang Pongvarin , BT-Corporation
******************************************************************************************************
สวัสดีครับทุกท่านสัปดาห์นี้ผมได้มีโอกาสไปบรรยายหลักสูตร การเพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิตให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ระหว่างที่บรรยายผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวคิดกับผู้เรียนหลายเรื่อง และมีเรื่องหนึ่งที่สำคัญ และอยากนำมาแลกเปลี่ยนกับทุกท่านในตอนนี้ครับ
โลกทุกวันนี้จะคิดว่าทำอะไรก็ประสบความสำเร็จง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน คงไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราจะมายึดติดกับวิธีการทำงานแบบเดิมๆ แล้วคิดเอา หรือทึกทักเอาว่า วิธีการในอดีต หรือสิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน จะช่วยทำให้ธุรกิจ หรือ การทำงานของเราประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์คงไม่ได้แล้วละครับ ดังตัวอย่างที่เราจะเห็นได้จากการล้มหายตายจาก ของธุรกิจบางประเภท ที่ปรับตัวไม่ทัน ตามสื่อต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างที่สุดที่เราต้องรีบปรับตัวของเราให้ทันต่อกระแสโลกให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่ตกเป็นไก่รองบ่อน ของคู่แข่งขัน หรือของลูกค้า
การเพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิต จึงเป็นเรื่องที่ทุกองค์การ และทุกคนต้องทราบ และต้องรีบทำให้เกิดขึ้นในองค์การให้ได้โดยเร็วที่สุด ลองนึกภาพตามก็แล้วกันนะครับ สมมติว่า เราขายสินค้าราคา 100 บาทให้กับลูกค้า โดยที่เรามีต้นทุนรวมทั้งสิ้น 80 บาท ดังนั้นกำไร/ชิ้น จึงเท่ากับ 20 บาท ถ้าเดือนหนึ่งเราขาย 1 ล้านชิ้น ดังนั้นกำไรที่ได้ในแต่ละเดือนก็คือ 20 ล้านบาท
ส่วนบริษัทคู่แข่งของเรา เขาขายสินค้าใหักับลูกค้าในราคา 95 บาท โดยเขามีต้นรวมเท่ากับ 60 บาท/ชิ้น ดังนั้นเขาจึงได้กำไร/ชิ้น 35 บาท โดยเดือนหนึ่งเขาขายได้เท่ากับบริษัทของเราคือ 1 ล้านชิ้น สรุปกำไรของคู่แข่งของเราเดือนนั้นจะเท่ากับ 35 ล้านบาท ดังนั้นคู่แข่งมีกำไรมากกว่าเรา 15 ล้านบาท ( 35 ล้าน - 20 ล้าน) ในขณะที่เรามีจำนวนผลิตเท่ากัน คือ 1 ล้านชิ้น
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าบริษัทไหนจะรุ่ง หรือจะล่วง จริงไหมครับ ยังไม่จบแค่นี้ ถ้าสมมติว่า บริษัทของลูกค้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ต้องการลดปริมาณการผลิตลง ประมาณ 5 แสนชิ้น จากเดิมที่เคยใช้เดือนละ 2 ล้านชิ้น ท่านคิดว่า เขาจะไปยกเลิกคำสั่งซื้อจากบริษัทไหน? หรือ อีกกรณีหนึ่ง ถ้าสมมติว่า ลูกค้าของเราขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า ผลิตแทบไม่ทัน ต้องการสินค้าเพิ่ม อีกประมาณ 5 แสนชิ้น/เดือน ท่านคิดว่าเขาจะส่ง order นี้ไปให้กับบริษัทไหน?
จากที่ยกตัวอย่างมานี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านคงเห็นความสำคัญ และเกิดความตระหนักขึ้นมาไม่มากก็น้อยนะครับว่า “ถึงเวลาแล้ว ที่เราทุกคนจะต้องตื่นตัว มาทำอะไรสักอย่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิตให้เกิดขึ้นกับองค์การ หรือบริษัทที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเรา” สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจที่ว่า “เพิ่มผลผลิต ทำได้ ทำเลย อย่ารอ ทำก่อน รวยก่อน เติบโตก่อน” โชคดีนะครับ