สร้างกำไร โดยไม่ต้องลงทุน ด้วยกิจกรรมไคเซ็น
เขียนโดย ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ www.bt-training.com , E-mail:tpongvarin@yahoo.com
วันที่เขียน ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ POST TODAY ฉบับวันที่ 23/01/55
สถานที่เขียน บ้าน
มูลเหตุจูงใจ ไปบรรยายหลักสูตรการดำเนินกิจกรรมไคเซ็น
กำไร = รายได้ – รายจ่าย
ตอนนี้เราไม่มีรายได้ แต่เราจะทำอย่างไรให้บริษัทเกิดกำไร คำตอบง่ายๆ นั่นก็คือ การลดต้นทุนการผลิตนั่นเอง
แต่การจะลดต้นทุนการผลิตนั้น พูดง่าย แต่ทำยาก สำหรับวันนี้ผมมีเครื่องมือดีๆ มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้ท่านเพิ่มกำไร โดยที่ไม่ต้องลงทุนกันให้เหนื่อย นั่นก็คือ การดำเนินกิจกรรมไคเซ็น (Kaizen)
คำว่า ไคเซ็นนั้น เป็นภาษาญี่ปุ่น จากประสบการณ์ที่เคยไปบรรยาย และเป็นกรรมการมาหลายแห่ง ผมขอแปลเป็นภาษาไทย ไว้ว่า “กิจกรรมเพื่อการปรับปรุง อย่างต่อเนื่อง ทีละเล็ก ละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานผู้ที่ปฎิบัติงานโดยตรง”
จากเหตุการมหาอุทกภัยนี้ทำให้หลายกิจการต้องหยุดการดำเนิงาน และพนักงานหลายท่านไม่ต้องไปทำงานอยู่กับบ้าน นี่ละครับจะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะมาดำเนินกิจกรรมไคเซ็นกันตอนนี้ เพราะ
• ฟรี ไม่เสียเงิน เพราะคิดเอาไว้ก่อน (เมื่อเริ่มทำงานก็นำไปใช้ได้ทันที)
• มีเวลาว่าง เพราะไม่ต้องไปทำงาน (ตอนทำงาน ไม่ค่อยมีเวลา)
• ได้ฝึกฝน (ไม่ได้ทำงานมานานเดี๋ยวจะลืม)
ซึ่งหัวข้อการดำเนินกิจกรรมไคเซ็นที่ผมอยากแนะนำในช่วงวิกฤตมหาอุทกภัยนี้คือ การลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ประหยัดมากขึ้น เร็วกว่าเดิม ปลอดภัยกว่าเดิม มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น สำหรับขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมไคเซ็นนั้นมี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ครับ
ขั้นตอนแรก สำรวจ (Survey) ดูซิว่าทำงาน มีอะไรบ้างที่เราทำแล้วเกิดความรู้สึก ความยุ่งยาก ลำบาก ล่าช้า เสียเวลา ไม่เกิดประประโยชน์ สิ้นเปลือง ต้นทุนสูง น่าเบื่อ อันตราย
ขั้นตอนที่สอง ปรับเปลี่ยน (Change) โดยพิจารณาสิ่งที่เราต้องการกำจัดสิ่งเหล่านั้น ด้วยวิธีการอย่างไรบ้าง? โดยมีหลักการคิดง่ายๆ คือ “ลด” “เลิก” “เปลี่ยน” จากสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น ไปในแนวทางที่ดีขึ้น ขยายความเพิ่มเติมคือ เราจะลดวิธีการเก่าๆ เลิกวิธีการเก่าๆ และเปลี่ยนเป็นวิธีการใหม่ๆนั่นเอง
ขั้นตอนที่สาม ตรวจสอบผลลัพธ์ (Check) ประเมินเปรียบเทียบ ก่อน และหลังต่างกันอย่างไร เช่น ประหยัดขึ้น เร็วขึ้น สะดวกขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ต้นทุนต่ำลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลิตได้มากขึ้น เมื่อยล้าน้อยลง สบายมากขึ้น เป็นต้นครับ
เอาละมาดูตัวอย่างกันหน่อยดีกว่า โดยผมขอยกตัวอย่างขั้นตอนการทำงานของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งผมได้มีอกาสไปบรรยาย มาแสดงเพื่อให้ท่านเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมมีดังนี้ครับ
ขั้นตอนแรก สำรวจ (Survey) โดยการสำรวจสภาพเดิม จากการสำรวจต้นทุนสินค้าของผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งของบริษัทแห่งนี้ พบว่าต้นทุนวัตถุดิบสูงมาก คืออยู่ที่ ประมาณ 60% ของราคาขาย (นี่ยังไม่รวมค่าดำเนินการนะครับ) ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปแล้วละก็บริษัทอยู่ไม่รอดแน่ เพราะในปีหน้า Supplier ก็ต้องขอขึ้นค่าวัตถุดิบแน่นอน ผนวกกับค่าจ้างแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน และค่าโสหุ้ยอื่นๆ ที่จ่อคิวจะขึ้นตามมา
ขั้นตอนที่สอง ปรับเปลี่ยน (Change) โดยเปลี่ยนสภาพเดิมให้เป็นสภาพใหม่ โดยไปวิเคราะห์ดูว่าต้นทุนการผลิตแต่ละตัวนั้นมีอะไรบ้าง โดยแบ่งเป็นสองส่วนคือ ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์ หลังจากนั้นก็พิจารณาปรับเปลี่ยนไปทีละข้อ เช่น จากเดิมใช้วัสดุที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ก็ไปทำให้เล็กลง อุปกรณ์ที่ใช้ 5 ชิ้น ก็ลดลงเหลือเพียงแค่ 3 ชิ้น และบรรจุภัณฑ์ ก็ลดความหนา และขนาดลงนิดนึง แต่ก็ยังใช้งานได้เหมือนเดิม
ในการเปลี่ยนแปลงนั้นได้มีการทดสอบคุณสมบัติต่างๆ แล้วไม่มีผลกระทบใดๆ เกิดขึ้น
ตรวจสอบผลลัพธ์ (Check) โดยการเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อน และหลังการปฏิบัติงาน ซึ่งพบว่าประหยัดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 6 แสนบาท (ซื้อรถกระบะได้คันหนึ่งเลยครับ) เท่านั้นยังไม่พอบริษัทแห่งนี้ยังได้มีการขยายผลไปยังสินค้าชนิดอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งหลังจากการขยายผลแล้วเขาสามารถลดต้นทุนถึงขนาดนำไปซื้อรถเบ็นซ์ได้เลยทีเดียวละครับ
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่ากิจกรรมไคเซ็นนี้มีประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดไหน สุดท้ายผมขอฝากคมคิด สะกิดใจว่า
“ การที่บริษัทจะได้กำไร นั้นไม่จำเป็นต้องขายของให้ได้มากขึ้นอย่างเดียว เพียงแต่พนักงานช่วยกันคิด และดำเนินกิจกรรมไคเซ็น ก็ถือเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มกำไรให้กับบริษัทได้อย่างง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องลงทุนให้มากมาย กิจกรรมดีๆ อย่างนี้ รีบดำเนินการกันเลยนะครับ เพราะทำก่อน ได้ก่อน ประหยัดก่อน กำไรก่อน และที่สำคัญ รวยก่อนแน่นอน”
ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านให้เราผ่านวิกฤติมหาอุทกภัยครั้งนี้ไปด้วยกันครับ