เลิกกังวล ง่ายนิดเดียว
โดย ดร. ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์
Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340
สวัสดีครับทุกท่านบทความตอนนี้ผมได้แนวคิดมาจากหนังสือ “ก้าว สู่ความเป็นเลิศ” เขียนโดย ซิก ซิกลาร์ แปล และเรียบเรียงโดย ส. สุวรรณ ของสำนักพิมพ์ สุขภาพใจ เป็นเรื่องที่ผมอ่านแล้วชอบ เพราะตรงกับตัวเองมาก และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เรามาอ่านกันเลยนะครับ
การใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้เราต้องพบกับเรื่องราว
และปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งในเรื่องการทำงาน เช่น ความก้าวหน้า
และมั่นคงในอาชีพการงาน เพื่อนร่วมงาน การเมือง และความขัดแย้งในองค์การ
ส่วนในเรื่องครอบครัว ก็เช่น เรื่องลูก สามี ภรรยา ญาติ พี่น้อง เงินทอง บ้าน รถ ทรัพย์สิน จิปาถะ
ซึ่งเรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้น ทำให้เราต้องคิด อยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดความกังวล
และไอ้เจ้าความกังวลนี่เองถ้าหากมีมากจนเกินไป ก็จะทำให้เราเครียด
และเมื่อเครียดมากๆ ก็อาจจะทำให้เราล้มหมอน นอนเสื่อ
ซึ่งก็จะมากระทบต่อการทำงาน และครอบครัวของเราด้วย
นายแพทย์ชาร์ลส์ เมโย กล่าวว่า
“ความกังวลมีผลต่อระบบหมุนเวียนของโลหิต
และระบบประสาททั้งระบบ
ข้าพเจ้าไม่เคยรู้เห็นว่ามีคนตายเพราะทำงานหนักเกินไป
รู้แต่ว่ามีคนจำนวนมากตายเพราะความระแวงสงสัย”
นักจิตวิทยาบอกว่า
40% ของความกังวลทั้งหมดนั้นไม่เกิดขึ้นจริง
30% ของความกังวลนั้นก็ ไม่เกิดประโยชน์ เพราะกังวลไป เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
12% ของความกังวล เป็นความกังวลเกี่ยวกับโรคภัย ไข้เจ็บของเราที่อาจจะมีมากเกินไปซึ่งก็ไม่เกิดขึ้นจริงสักหน่อย
10% ของความกังวล เป็นเรื่องหยุมๆ หยิมๆ ชวนหงุดหงิด ไร้สาระ ในชีวิตประจำวันซึ่งไม่เกิดประโยชน์
8% สุดท้าย เป็นความกังวลที่สมเหตุ สมผล
ดังนั้น เราอย่างเสียเวลาไปกับความกังวลที่ไม่เหตุสมผลที่มีอยู่ตั้ง 92%
เพราะเจ้าความกังวลที่เราคิดกันขึ้นมา จะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้
สรุปส่งท้ายได้ความว่า
อย่าเสียเวลา และพลังงานไปกับความกังว
ลในสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แต่จงเอาพลังงานเหล่านั้นไปใช้เพื่อสร้างสรรค์
จงลดความกังวล หรือท้อแท้กับชีวิตให้น้อยลง
แล้วมาเพิ่มความคิด และลงมือทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับเรา
และผู้อื่นกันดีกว่า จริงไหมครับ
สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจ ที่กล่าวโดย แจค เอกซูม ที่ว่า
“ความกังวล คือ การบูชาพระเจ้าผิดองค์” โชคดีนะครับ .....
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ