facebook: BT CORPORATION CO., LTD. , Thongpunchang Pongvarin
************************************************************************************************************
สวัสดีครับทุกท่าน บทความตอนนี้ผมได้แนวคิดมากจากการอ่านหนังสือ ศึกษาสูตรของท่านเว่ยหล่าง โดย อนัตตา ของสำนักพิมพ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิต สำหรับพระธรรมจารย์ฮุ่ยหนิง หรือเว่ยหล่าง ชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้าง โดยผมขอประยุกต์หลักคำสอนของท่านผ่านกรณีศึกษาใกล้ตัว เรามาลองอ่านกันดูนะครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนเช้า เวลาประมาณ 7.55 นาฬิกา ที่หน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งในเวลานั้นมีพนักงานเดินเข้าออก อย่างขวักไขว่ เพราะเป็นช่วงเลิกกะดึกพอดี
ผู้จัดการโรงงานหนุ่ม การศึกษาดี ดีกรีนักเรียนนอก ขับรถยุโรปคันโต ลดกระจกลง จากนั้นก็โผล่มือออกไปนอกรถ แล้วกวักมือเรียก รปภ. พร้อมพับตะโกนเรียก รปภ. อายุคราวป้า ดังลั่นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ป้า ๆ !!!!! มานี่ซิ เร็วเข้า...”
จากนั้นก็ชักสีหน้า แสดงอาการไม่สบอารมณ์อย่างมากที่ รปภ.เปิดประตูกั้นรถเข้าออกโรงงานช้า จนทำให้เขาเกือบเข้าทำงานสาย จากนั้นก็พูดแบบไม่ไว้หน้า
“นี่ไม่รู้รึไงว่าผมเป็นใคร?”
รปภ. ตอบด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ป้าขอโทษค่ะ ป้ากำลังตรวจกระเป๋าพนักงานที่กำลังจะเดินออกจากบริษัทอยู่ ไม่ทันเห็นรถของผู้จัดการ”
ผู้จัดการโรงงานไม่สนใจคำขอโทษ แต่พูดสวนกลับไปทันทีว่า “คุณก็ต้องรู้ซิ ว่าอะไรควรทำก่อน ทำหลัง และระหว่างผมกับพนักงานพวกนั้นน่ะ ใครที่คุณต้องให้ความสนใจมากกว่ากัน”
รปภ. ก้มหน้าแล้วตอบ ด้วยน้ำเสียวเศร้าสร้อย เพราะเกรงกลัวความผิดว่า
“ป้าขอโทษค่ะ ป้าขอโทษ ป้าไม่ทราบจริงๆ เพราะป้าหันหลังให้ทางเข้าพอดี ทำให้ไม่รู้ว่าคุณกำลังเลี้ยวรถมาจอดรอ ป้าขอโทษนะคะ ป้าขอโทษ”
ผู้จัดการโรงงานไม่ฟังคำขอโทษใดๆ เพราะควันกำลังออกหู หน้าแดง นัยน์ตาแดงก่ำ เขาด่ากลับด้วยน้ำเสียแข็งกร้าวว่า “เฮ็งซวยเอ๊ย!!! แม่ง.... ไม่มีสมอง สงสัยกินข้าวคลุกหญ้าแน่ๆ”
รภป. ยืนร้องไห้แล้วตอบไปด้วยเสียสั่งเครือว่า “ป้าขอโทษค่ะ อย่าเอาผิดกับป้าเลยนะคะ”
ผู้จัดการโรงงาน กัดฟัน กรอดๆ แล้วตอบกลับไปว่า
“เออๆๆๆๆ อย่าให้มีครั้งที่สองแล้วกัน ถ้ามีปัญหานี้อีก จะเปลี่ยนบริษัทเลย ไม่เอาแล้วบริษัทที่มีแต่พนักงานปัญญาอ่อนอย่างนี้”
จากกรณีศึกษาดังกล่าว พบว่า ผู้จัดการโรงงานท่านนี้ เป็นคนมีการศึกษาดี ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรด้านการบริหารชั้นสูงจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งใน และต่างประเทศ เช่น หลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นำ การโค้ช การเป็นพี่เลี้ยง และที่สำคัญเขายังเป็นกำลังสำคัญในการจัดทำวัฒนธรรมองค์การของบริษัทอีกด้วย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นี้ทำให้เราเห็นชัดเจนเลยว่า เมื่อความโกรธเข้าครอบงำจิตทั้งดวง ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ ที่มีก็ไร้ซึ่งความหมาย ทำให้แสดงพฤติกรรมด้านลบของตนเองออกมา ผลก็คือ เสียชื่อเสียง ไร้สิ้นศรัทธา หาความสว่างทางจิตใจไม่มี เสมือนดั่ง ดวงอาทิตย์ที่มีพลังมหาศาล ส่องแสงไปทั่วจักรวาล แต่ถ้ามีเมฆมาบดบังแล้วละก็ พระอาทิตย์ดวงโตนั้น ก็ไม่สามารถส่องแสงขอตนเองได้อย่างเต็มที่ต้องรอให้สายลมมาพัดเจ้าก้อนเมฆนั้นไปเสียก่อน ดวงอาทิตย์จึงจะกลับมาส่องแสงได้เหมือนเดิม ดังนั้น ถ้าได้มีอารมณ์โกรธเข้าครอบงำแล้วละก็ การตัดสินใจผิดพลาด ความสูญเสีย การไร้เกียรติ และการไม่ได้ความเคารพนับถือจากคนรอบข้างก็จะเกิดขึ้นกับตัวเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอนจริงไหม ครับ? และผลจากการกระทำของผู้จัดการโรงงานในวันนั้น ทำให้ลูกน้องหลายคนไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของเขา โดยเฉพาะเขาสอนเรื่องการให้เกียรติ และเคารพผู้อื่น
สุดท้ายขอฝากแนวคิดสักนิดว่า เพื่อไม่ให้อารมณ์มาครอบงำจิตใจของเรา เราจึงต้อง ฝึกสติ ให้รู้ทันอารมณ์ ทั้งอารมณ์ดี และไม่ดีของตัวเราเอง ซึ่งการฝึกอารมณ์นี้ต้องใช้เวลา และความเพียรอย่างมากครับ แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าเราทุกคนทำได้อย่างแน่นอนครับ (ผมก็ฝึกอยู่เหมือนกัน) สุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจที่ว่า “หากทำงานโดยไร้สติ เชื่อเสียง ก็อาจจะกลายเป็นชื่อเสียงได้ในพริบตา” โชคดีนะครับ .....
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ