นกกระสากับหอยกาบสู้กัน ใครได้ ใครเสีย
โดย ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์ Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile:089-8118340
facebook: BT CORPORATION CO., LTD. , Thongpunchang Pongvarin
สวัสดีครับทุกท่าน บทความนี้ผมได้มาจากหนังสือตึ่งนั้นก้าเกี้ย หรือ แปลเป็นไทยว่า คนจีนสอนลูก ของสำนักพิมพ์เดอะบอส์ส เป็นนิทานจีนชื่อ กระสา หอยกาบ สู้กัน เป็นนิทานสั้นๆ แต่แฝงด้วยความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เรามาอ่านกันนะครับ
ณ ริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง ในวันที่อากาศเป็นใจ เจ้าหอยกาบตัวเขื่องตัวหนึ่งเปิดเปลือกกว้างกว่าทุกวัน เพื่อรับแสงแดดอันอบอุ่นอย่างสำราญใจ
ขณะเดียวกันนั้นเอง เจ้านกกระสาเฒ่าตัวหนึ่งซึ่งเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเจ้าหอยกาบตัวนี้อยู่นาน เพราะหวังว่าจะจับมันมาเป็นอาหารให้อิ่มท้อง เมื่อสบโอกาสมันจึงรีบบินพุ่งจากกิ่งไม้ อย่างรวดเร็วราวกับจรวด เพื่อหมายจะเข้าไปจิกเจ้าหอยกาบทันที
แต่เจ้าหอยชะตาขาดก็ไม่ยอมตายง่ายๆ มันรีบหุบเปลือกที่แข็งแรงของมันอย่างรวดเร็วดัง “พรึ๊บ....” ทำให้หนีบจงอยปากของนกกระสาไว้ เจ้านกกระสบก็ดิ้นสุดชีวิตเพื่อหมายจะเอาตัวรอด
และการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของสัตว์ทั้งสอง ก็เริ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างด่าทอ กันเสียงดังลั่นแม่น้ำ และพยายามทำวิพีทางให้อีกฝ่ายยอมปล่อยให้เร็วที่สุด
ครู่หนึ่ง ชาวประมงที่กำลังง่วนอยู่กับการหาหอย หาปลาอยู่แถวนั้น ได้ยินเสียงเข้า ก็ค่อยๆเดินย่องเข้ามาใกล้ๆ เพื่อไม่ให้พวกมันรู้ตัว แล้วก็จับเจ้าสัตว์ชะตาขาดทั้งสองตัวนั้นกลับบ้านเพื่อไปทำอาหารอย่างง่ายดาย
นิทานจีนโบราณเรื่องนี้ผมอ่านแล้วก็มามองย้อนนึกถึงบรรยากาศในการทำงานของบริษัษัท หรือองค์กรต่างๆ ที่แต่ละคน แต่ละกะ แต่แผนก หรือแต่ละหน่วยงาน ทำงานเพื่อแย่งชิงเค้ก หรือข่มเหงกันเพื่อความเป็นใหญ่ ซึ่งทำตัวคล้ายกับ นกกระสา กับ หอยกาบ ทะเลาะกันไป ปัดแข้งปัดขากันมา เพื่อให้ตนเอง หรือเพื่อกลุ่มพวกพ้อง แต่ไม่ได้มองเพื่อภาพรวมของบริษัท หรือองค์กรเลยว่าจะอยู่ต่อไปได้ไหม จะแข่งสู้กับใครได้ไหม จะรอดพ้นวิกฤติที่มีอยู่ไหวไหม
ถ้ายังแก่งแย่ง แข่งขัน สู้กันอย่างนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ขาดการพัฒนา ลูกค้าเริ่มเบื่อ เพราะแก้ไขปัญหาให้เขาไม่ได้ ส่งงานช้าบ่อยขึ้น ปัญหาจุกจิก กวนใจ ลูกค้าเริ่มมากขึ้น สุดท้าย เขาก็ Say Goodbye ฉันไม่ซื้อของ ไม่ใช้บริการของเธออีกแล้วจ้า แล้วพวกเราจะอยู่กันยังไงละทีนี้ จริงไหมครับ?
จะดีกว่าไหมถ้าเรายอมคิดเพิ่มอีกนิด แล้วถอยคนละเก้าเพิ่มอีกหน่อย โดยเอาเป้าหมายของส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง โดยไม่ต้องมาบอกหรอกว่าใครเก่งกว่า แข็งแรงกว่า ฉลาดกว่า แต่มาร่วมมือกันแล้วพูดว่า พวกเราเก่ง พวกเราฉลาด พวกเราทำได้ พวกเราร่วมมือ ร่วมใจกัน แล้วพวกเราก็จะสู้คู่แข่งของพวกเราได้อย่างแน่นอน ถ้าคิด และทำแบบนี้ เราทุกคนก็คงรอดไปด้วยกันอย่างแน่นอนจริงไหมครับ
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน เพื่อฝ่าฟัน ปัญหางาน ปัญาหาคน ในองค์กรกันต่อไป และที่ขาดเสียไม่ได้คือ ขอฝากคมคิดสะกิดใจที่ว่า “สามัคคี คือพลัง สามัคคี คือพลัง และสามัคคี คือพลัง” สู้ๆ ครับ
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ