ทัศนคติเชิงบวก สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมี และทุกองค์กรต้องการ
เขียนโดย ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์
Email:tpongvarin@yahoo.com Mobile.089-8118340 www.bt-training.com
**************************************************************************************************
ทัศนคติของคน ส่งผลต่อคุณภาพ และปริมาณงานโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หนึ่งในสิ่งที่ผมเน้นย้ำในการทำงานคือ ทัศนคติเชิงบวก
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ของเสียเกิดขึ้น จากพนักงานที่มีความรู้มาก มีประสบการณ์โชกโชน และทำงานมาหลายปี นั่นเป็นเพราะ จากทัศนคติเชิงลบของพนักงานที่มีต่อกรทำงาน ตัวอย่างทัศนคติเชิงลบ เช่น
“ไม่ต้องเข้มงวดมากหรอก เดี๋ยวงานหลุด ก็มีคนมาตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง”
“นิดหน่อย คงไม่เป็นไร”
“WI เอาไว้ดู ไม่ได้เอาไว้ทำ”
“ตรวจบ้าง พักบ้าง ไม่เป็นไร ขนาดเครื่องจักรยังต้องพักเลย”
“ข้ามขั้นตอน แต่งานออกมากดี แค่นี้ก็พอ”
“เราทำงานมาตั้งนานไม่เคยพลาด ครั้งนี้ก็คงไม่พลาดเหมือนเดิม”
พูดได้คำเดียวว่า คุณคือบุคคลอันตราย เพราะคนกลุ่มนี้ ใช้ชีวิตอย่างประมาท และแขวนชีวิตของตนเองอยู่บนความเสี่ยงอย่างมาก ซึ่งเราคงไม่ต้องพูดถึงนะครับผลลัพธ์ที่ได้จากคนกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไร? และแน่นอนลองนึกดูนะครับว่าจะมีใครอยากจะมาทำงานกับคนที่มีทัศนคติเชิงลบแบบนี้บ้างไหมล่ะครับ?
คราวนี้เรามาศึกษาการใช้ชีวิตของพนักงานที่มีทัศนคติเชิงบวกต่องาน ซึ่งจะคนละขั้วกับพนักงานกลุ่มแรกกันเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาจะคิดว่า
“ตรวจอย่างละเอียด ต้องดูทุกชิ้นไม่ให้ชิ้นงานเสียเล็ดรอดสายตาไปได้”
“ฉันจะไม่ยอมปล่อยของเสียให้หลุดออกไปเด็ดขาด”
“ทำตามขั้นตอน คือหน้าที่”
“เขาจ้างเรามาทำงาน 8 ชั่วโมง เรากินค่าแรงเขา 8 ชั่วโมง เราก็ต้องทำงานให้เต็มที่ทั้ง 8 ชั่วโมง”
“ถ้าเราทำงานเสียออกไปแล้วละก็ เสียชื่อทั้งชื่อเราเอง และชื่อแผนกเป็นแน่”
พนักงานท่านใดมีทัศนคติเชิงบวกในการทำงานโดแบบนี้แล้วละก็พูดได้คำเดียวว่า คุณคือ บุคคลที่องค์กรต้องการ รับประกันได้เลยครับว่า ร้อยทั้งร้อย ท่านจะได้รับการยกย่อง และเป็นที่ไว้วางใจอย่างสูง จากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน และผู้บริหาร สำหรับพนักงานท่านใดที่มีทัศนคติแบบนี้ จะปฏิบัติตามกฎระเบียบ และขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง แถมด้วยทำงานงานอย่างเต็มที่ คุ้มกับค่าจ้างที่ทางบริษัทจ่ายให้กับเรา
เทคนิคที่ผมใช้ สำหรับแนวคำแนะนำสำหรับหัวหน้างาน และผู้จัดการ เพื่อการสร้างทัศนคติเชิงบวกให้กับพนักงานมีดังนี้ครับ
1 .ประชุมชี้แจงเรื่องปัญหาคุณภาพ และแนวทางในการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันความผิดพลาด รวมไปถึงอาจนำเรื่องเล่า หรือกรณีศึกษาผลเสียที่เกิดขึ้นจากการทำงานผิดพลาด การทำงานแล้วเกิดของเสีย หรือความสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุมาเล่าให้พนักงานฟังบ่อยๆ เพื่อเน้นย้ำ ให้พนักงานเกิดความตระหนัก
2. เข้มงวดในการตรวจสอบงาน ก่อนเริ่มงาน ระหว่างการปฏิบัติงาน และหลังเลิกงาน โดยต้องเข้าไป Genba คือ ไปดูสถานที่ทำงานจริงๆกับพนักงานเลย เรายอมเสียเวลาตอนนี้ดีกว่า ต้องมาเสียเวลาในการแก้ไขปัญหานะครับ
3. อธิบายผลกระทบจากการเกิดของเสีย หรือความผิดพลาด และบทลงโทษ ให้พนักงานทุกคนทราบ ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นคนโหดร้าย ทารุณนะครับ แต่เราก็ต้องมีกฎกติกา มิเช่นนั้นคนทำผิด หรือคนที่ประมาท ก็จะไม่สนใจ และคิดว่าทำผิดเดี๋ยวหัวหน้าก็ให้อภัย
4. ติดตามผลการทำงานอย่างเหมาะสม โดยแผนกไหนมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหา หรือพนักงานคนใดที่ประมาท ไม่ใส่ใจในงาน คอยแต่จะอู้งาน เราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบถี่หน่อย เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
5. ติดบอร์ดเพื่อรายงานผลการปฏิบัติงาน ทั้งเรื่องปริมาณ คุณภาพ การส่งมอบ อุบัติเหตุ การสูญเสีย และความผิดพลาด รวมไปถึงต้นทุน และอธิบายให้พนักงานทราบ เพื่อให้พนักงานเกิดความตระหนัก และให้ความสำคัญในการทำงานมากขึ้น
เทคนิคทั้ง 5 ข้อนี้ผมทำมาตลอดตั้งแต่สมัยทำงาน และยังได้นำไปถ่ายทอดในหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกคุณภาพ ให้กับหลายองค์กร ลองนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ
สรุปสุดท้ายขอฝากคมคิดสะกิดใจสั้นๆว่า “ทัศนคติส่งผลต่อการกระทำ และการกระทำส่งผลต่องาน และงานส่งผลต่อชีวิต ดังนั้นคิดให้ดีสักนิดก่อนคิดจะทำ” โชคให้โชคดีมีกับผู้ที่มีทัศนคติเชิงบวกนะครับ
ดร.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์
Mobile:089-8118340
ท่านสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Www.bt-training.com ครับ